ข้อมูลในสมาร์ทโฟน นอกจากแบอร์โทร ข้อความ หรือบันทึกต่างๆแล้ว รูปภาพ และ วีดีโอ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนหวงแหน หากอุปกรณ์สูญหาย รูปภาพก็คงเป็นสิ่งที่หลายคนเสียดายเป็นที่สุด ในยุคคลาวด์ (cloud) และยุคโมบายแบบนี้ การเก็บรูปภาพ วีดีโอ ไม่ได้เก็บไว้แค่บนสมาร์ทโฟนหรือถ่ายโอนไปบนคอมพิวเตอร์แล้ว แต่เราสามารถเก็บไว้บนเมฆ หรือบนคลาวด์ (Cloud) นั่นเอง หมดปัญหาเรื่องเมมเต็ม แถมยังไปโหลดดูที่ไหนก็ได้อีกด้วย ล่าสุด dtac เปิดบริการ Capture App ให้เก็บทุกความทรงจำทั้งรูปภาพและวีดีโอไว้บนคลาวด์ (cloud) ได้อย่างจุใจ!
Capture App เป็นบริการใหม่จาก dtac ที่สามารถจัดเก็บทั้งภาพถ่ายและวีดีโอบนสามาร์ทโฟนขึ้นคลาวด์ (cloud) โดยมาในรูปแบบแอพพลิเคชั่นและหน้าเว็บไซต์ ซึ่งโดยปกติแล้ว ก็มีบริการหลากหลายที่ให้คุณสามารถเก็บรูปภาพไว้บน Cloud เช่น iCloud สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ที่มีพื้นที่ฟรี 5 GB หรือบริการอย่าง Google Drive ที่มีพื้นที่ฟรี 15 GB แต่ผู้ใช้มักประสบปัญหากับพื้นที่เก็บข้อมูลที่ไม่เพียงพอ ด้วยรูปถ่ายเก่าที่มีจำนวนมาก และรูปถ่ายใหม่ที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน แต่สำหรับ Capture App นั้น มีพื้นที่เรียกได้ว่าเยอะและค่อนข้างจุใจ
โดยถ้าหากเป็นลูกค้า dtac ระบบรายเดือนจะได้รับสิทธิ์พื้นที่เก็บข้อมูลบน Capture App ฟรี ตามค่าบริการรายเดือนของแพ็คเกจหลัก หากมีค่าบริการรายเดือนน้อยกว่า 500 บาท จะได้รับพื้นที่ฟรี 25 GB , ค่าบริการรายเดือน 500 – 899 บาทจะได้รับพื้นที่ฟรี 50 GB และค่าบริการรายเดือน 900 บาทขึ้นไป จะได้รับพื้นที่ฟรีมากถึง 100 GB เลยทีเดียว ส่วนลูกค้าระบบเติมเงินรับสิทธิ์การใช้งาน Capture App 25 GB โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 สำหรับเครือข่ายอื่นๆก็สามารถใช้บริการได้ เพียงแต่จะได้รับพื้นที่ฟรี 2 GB
วิธีการใช้งาน Capture App
Capture App สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ทั้งบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตระบบ iOS และ Android โดยเมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วจะมีขั้นตอนให้ Login ด้วยเบอร์โทรศัพท์และอีเมล หลังจากนั้น Capture App จะให้เราเลือกตั้งค่าการอัพโหลดรูปภาพ ซึ่งสามารถเลือกอัพโหลดทุกรูปภาพขึ้นสู่ Cloud โดยอัตโนมัติ และตั้งค่าให้อัพโหลดโดยไม่ต้องผ่าน Wi-Fi ได้ด้วย
ข้อดีของแอพนี้ก็คือ ใช้งานง่ายมากๆ สามารถอัพโหลดรูปภาพโดยที่ไม่ต้องกดอัพโหลดเอง หรือต้องคอยกด Sync หากมีการถ่ายรูปใหม่ รูปก็จะถูกอัพโหลดขึ้นสู่พื้นที่เก็บบน cloud ทันที เรียกได้ว่าเราไม่ต้องกังวลเลยว่ารูปภาพสำคัญของเรานั้นจะสูญหายไป (แต่หากไม่ต้องการให้อัพโหลดอัตโนมัติ ก็สามารถกำหนดที่การตั้งค่าได้) แถมช่วยให้หมดปัญหาเรื่องเมมโทรศัพท์เต็ม เก็บรูปไม่พออีกด้วย และถ้าต้องการอัพโหลดภาพตาม Folder บนสามาร์ทโฟน ก็ยังมีคำสั่งให้อัพโหลดได้ทั้ง Folder ด้วย
การเรียกดูภาพบน Capture App
การจัดเรียงภาพใน Capture App แอพค่อนข้างเปิดดูได้อย่างสะดวก เพราะถูกจัดเรียงแบบ Timeline แยกเดือนและปี การค้นหาดูรูปจำนวนมากจึงไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งในแอพยังมีฟีเจอร์ CREATE A STORY ให้เรากดสร้างโฟลเดอร์เลือกภาพนั้นๆมาแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามที่เราต้องการได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การเรียกดูรูปภาพก็สามารถทำได้บนทุกอุปกรณ์ โดยนอกจากบนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ก็ยังสามารถเรียกดูได้บน PC โดย Login เข้าไปผ่านทางเว็บไซต์ www.capture-app.com/th ซึ่งรูปแบบการจัดเรียงก็คล้ายกับในแอพ โดยเรายังสามารถอัพโหลดภาพบน PC เข้ามาใส่ได้เพิ่มเติม ได้ด้วย เพียงคลิกที่ Upload แล้วเพิ่มภาพหรือไฟล์วีดีโอเข้ามา เรียกได้ว่านอกจากเก็บภาพบนสมาร์ทโฟนแล้ว ยังช่วยบันทึกภาพจากบนคอมพิวเตอร์ของเราด้วย
การบันทึกรูปภาพและแชร์ภาพจาก Capture App
หากต้องการนำภาพบน Capture App มาบันทึกเก็บไว้ ก็สามารถกด Save รูปภาพ โดยกดเลือกรูปภาพ ซึ่งสามารถเลือกได้ครั้งละหลายภาพในคราวเดียวเพื่อบันทึก หรือหากต้องการแชร์ภาพเหล่านั้นไปบน Facebook หรืออีเมล ก็สามารถเลือกกดแชร์ภาพดังกล่าวได้
โดยสรุปแล้ว ภาพรวมการใช้งาน Capture App นั้น สะดวกและง่ายมากๆ ด้วยหน้าตา User Interface ที่เรียบง่าย มีฟีเจอร์การใช้งานที่ไม่ซับซ้อน สามารถเข้าใจได้ทันทีเมื่อเริ่มใช้งาน การอัพโหลดภาพก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย อีกทั้งการเรียกดูภาพก็สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาทุกอุปกรณ์ ที่สำคัญคือมีพื้นที่ในการจัดเก็บฟรีเยอะมากๆหากเทียบกับบริการพื้นที่จัดเก็บบน Cloud (Cloud Storage) อื่นๆ จึงทำให้ Capture App เป็นบริการที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะสิ่งที่หลายคนจะกังวลมากที่สุด คือพื้นที่การจัดเก็บบนโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ของเราเองไม่เพียงพอ หรือไฟล์รูปและวิดีโอจะหายไปถ้าอุปกรณ์หาย แต่หากลองใช้ Capture App เราก็ใจชื้นได้ไม่น้อย เพราะทุกความทรงจำของเราถูกจัดเก็บไว้บนคลาวด์ (Cloud) แล้ว
Capture App สามารถโหลดฟรีได้แล้วทั้งสำหรับผู้ใช้ iOS และ Android