พันเอก เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และรองประธาน กสทช. แถลงว่า บอร์ด กสทช. ได้ผ่านร่างประกาศการประมูลความถี่ 1800 MHz แล้ว ( หลักเกณฑ์การประมูล 4G ) เมื่อ 21 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยเน้นประโยชน์ของประชาชนอย่างเข้มข้น โดยกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีการให้บริการที่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการกำหนดอัตราค่าบริการที่สมเหตุสมผล ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค มีความชัดเจน และการให้บริการที่มีคุณภาพ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตจะต้องกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับบริการเสียงและข้อมูล โดยเฉลี่ยแล้วต้องต่ำกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ยของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้ความถี่ย่าน 2.1GHz ณ วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ โดยผู้รับใบอนุญาตจะต้องจัดให้มีรายการส่งเสริมการขายอย่างน้อยหนึ่งรายการ ที่มีอัตราค่าบริการที่ส่งเสริมและเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมเคลื่อนที่บนความถี่ย่าน 1800MHz โดยมีอัตราค่าบริการต่ำกว่าอัตราค่าบริการเฉลี่ยของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ณ วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ คิดอัตราค่าบริการตามการใช้งานจริงด้วย และมีคุณภาพการให้บริการไม่ต่ำกว่าคุณภาพการให้บริการเฉลี่ยของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ทั้งนี้ จนกว่าคณะกรรมการจะประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลอัตราค่าบริการ และคุณภาพการให้บริการเป็นอย่างอื่น
ภายหลังจากการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 1800 MHz และร่างประกาศ กสทช.เรื่อง แผนความถี่วิทยุกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications – IMT) ย่านความถี่ 1710-1785/1805-1880 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) โดย กทค. ได้นำเสนอต่อที่ประชุม กสทช. เพื่อให้ความเห็นชอบและประกาศลงในราชกิจกานุเบกษา ภายในเดือนสิงหาคม 2558 จากนั้นจะประกาศเชิญชวน และเผยแพร่ สรุปข้อสนเทศ (IM) ฉบับสมบูรณ์ พร้อมกำหนดระยะเวลาให้ผู้ยื่นประมูลมารับเอกสารเพื่อใช้ในการยื่นประมูลเดือนกันยายน 2558 จากนั้นจะพิจารณาและประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูลภายใน เดือนตุลาคม 2558 จัดการประมูลในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 และประกาศผลการประมูลไม่เกินวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553
ในเบื้องต้นร่างประกาศฯ ดังกล่าว มีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
- มีการจัดสรรใบอนุญาต 2 ใบ ขนาด 15×2 MHz เป็นระยะเวลา 18ปี (ก.ย. 76)
- ผู้เข้าประมูลจะสามารถเสนอราคาสำหรับชุดคลื่นความถี่ ได้หนึ่งชุดเท่านั้น
- ราคาเริ่มต้นการประมูลจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่าใบละ 15,912 ล้านบาทต่อ 1 ใบอนุญาต ในกรณีมีผู้เข้าร่วมประมูลมากกว่า 2 รายขึ้นไป ราคาประมูลในแต่ละรอบจะเพิ่มขึ้นรอบละ 796 ล้านบาท แต่หากมีผู้เข้าร่วมประมูลน้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ราย ราคาเริ่มต้นการประมูลจะไม่น้อยกว่า 19,890 ล้านบาทต่อ 1 ใบอนุญาต โดยราคาประมูลในแต่ละรอบจะเพิ่มขึ้นรอบละ 398 ล้านบาท ซึ่งการประมูลรอบแรกผู้ประมูลไม่สามารถใช้สิทธิการไม่เสนอราคาได้
- ค่าพิจารณาคำขอ 5 แสนบาท เงินประกันการประมูลรายละ 696 ล้านบาท
- ผู้เข้าร่วมประมูลต้องมีการส่งแผน CSR ให้ กทค.เห็นชอบ
รายได้จากการประมูลคลื่นความถี่จะเข้าสู่รัฐ ซึ่งโดยหลักการสากลนั้นไม่ได้มุ่งเน้นการแข่งขันในการประมูลเพื่อให้ได้รายได้สูงสุดเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงการแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้วย เพื่อให้เกิดนวัตกรรมการให้บริการใหม่ๆ เกิดการแข่งขันทางด้านคุณภาพและราคาค่าบริการ รวมไปถึงการสร้างงาน สร้างธุรกิจใหม่ๆขึ้นมากมาย จนเกิดการเติบโตในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งนอกเหนือจากรายได้ที่รัฐได้จากการประมูลคลื่นความถี่แล้ว รัฐยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียม USO ด้วย ในที่สุดจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ และประชาชนต่อไป