เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ( 6 สิงหาคม 2557 ) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( MICT ) จัดแถลง รายงานสรุปผลสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ประจำปี 2014 เพื่อทราบว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ใช้อินเทอร์เน็ตทำอะไร และใช้เน็ตอย่างไร ? โดยที่น่าสนใจคือคนไทยสั่งซื้อของทางอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ผลสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ประจำปี 2014 นี้ มีผู้ตอบแบบสำรวจมา 16,596 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนข้าราชการ , พนักงานหรือลูกจ้างเอกชน และ กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เป็น 3 อันดับแรกที่ตอบแบบสำรวจมากที่สุด ทั้งนี้จากกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจ ส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 5 ปีแล้ว
นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA เปิดเผยว่า ค่าเฉลี่ยของการใช้อินเทอร์เน็ตต่อสัปดาห์เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 ซึ่งมี ตัวเลขการใช้งานเน็ตโดยเฉลี่ย 32.3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือใช้เวลาโดยประมาณ 4.6 ชั่วโมงต่อวัน พอมาปี 2557 นี้ ตัวเลขการใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ย เพิ่มขึ้นเป็น 50.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือใช้เวลาโดยประมาณ 7.2 ชั่วโมงต่อวัน ( หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของวันเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต )
และพบว่า “กลุ่มเพศที่สาม” มีจำนวนชั่วโมงการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 62.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งสูงกว่า ผู้ชาย และผู้หญิง
โดยช่องทางเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่มาจากโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนมากที่สุด (77%) โดยใช้งานเฉลี่ย 6.6 ชั่วโมงต่อวัน อันดับ 2 เข้าจากคอมพิวเตอร์พีซี 69.4% ใช้งานเฉลี่ย 6.2 ชั่วโมงต่อวัน และอันดับ3 เข้าเน็ตจากโน๊ตบุ๊ค (49.5% ) ใช้งานเฉลี่ย 5.3 ชั่วโมงต่อวัน
ทั้งนี้คนไทยใข้เวลาท่องเน็ตอยู่กับสมาร์ทโฟนมากที่สุด ในช่วงเวลา 4 โมงเย็น จนถึงเช้าวันใหม่เวลา 8.00น. ส่วนช่วงเช้า 8.00 ถึงช่วงบ่าย 16.00 น. ส่วนใหญ่จะใช้คอมพิวเตอร์พีซีในการท่องโลกอินเทอร์เน็ต
กิจกรรมยอดฮิตของคนไทยใช้อินเทอร์เน็ต
- ผ่านทางสมาร์ทโฟน จะนิยมเข้าใช้พวก Social Network มากที่สุดเป็นอันดับ1 ,ส่วนอ่านข่าว อ่านอีบุ๊ค มาเป็นอันดับ 2 และ ค้นหาข้อมูล เป็นอันดับที่ 3
- ผ่านทางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จะนิยมเข้าไปเช็คเมล รับ-ส่งอีเมล มากที่สุด ส่วนอันดับ 2 เป็นการค้นหาข้อมูล และอันดับ 3 อ่านข่าว อ่านอีบุ๊ค
- กลุ่มเพศที่ 3 กว่า 200 กว่าราย กลับนิยมเล่นทั้ง Social Network , อ่านข่าว และ นักช้อปปิ้งออนไลน์ มากกว่าเพศชายและเพศหญิง
- ขณะที่ กลุ่มเพศหญิง เล่นเกมออนไลน์ผ่านทางอุปกรณ์เคลื่อนที่มากกว่ากลุ่มอื่นๆ 52.6% (อาจเป็นเพราะเกม Cookie run )
จากผลสำรวจที่คนส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตเล่น Social Network มาดูว่าคนไทยเล่น social network ตัวไหนมากที่สุด
- อันดับ 1 facebook
- อันดับ 2 Line
- อันดับ 3 Google+
- อันดับ 4 Instagram
- อันดับ 5 twitter
นอกเหนือจากข้อมูลสถิติพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยแล้ว ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับ สถิติพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงบนโลกอินเทอร์เน็ต ด้วย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ขาดความรู้ขาดความตระหนักด้านความปลอดภัยบนโลกไอทีและอินเทอร์เน็ต
จากภาพนี้เป็นพฤติกรรมสุดฮิตบนโลกอินเทอร์เน็ต ที่เป็นกระแสสุ่มเสี่ยง บนโลกออนไลน์พบว่า
- คนส่วนใหญ่นิยมเช็คอินสถานที่ต่างๆ 71.5%
- ถ่ายแล้วแชร์รูปอัพโหลดบอกสถานะโดยแชร์แบบสาธารณะ 70.7%
- โพสต์สถานะเป็นสาธารณะ 62.3%
- ที่น่าสนใจคือ คนส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนรหัสผ่านทุก 3 เดือน มีมากถึง 57.5%
หากแยกเป็นระหว่างกลุ่มคนวัยต่างๆ กับกลุ่มพฤติกรรมเสี่ยงบนโลกออนไลน์ ก็พบข้อมูลสรุปที่น่าสนใจดังนี้
- คนวัยทำงาน นิยมเช็คอินเพื่อบอกคนอื่นเช่น เพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านาย
- กลุ่มวัยรุ่นละเลยโพสต์สถานะให้ปลอดภัย แถมชอบถ่าย Selfie แชร์
- กลุ่มผู้สูงอายุไม่สนใจเปลี่ยนรหัสผ่านบนอุปกรณ์ไอที หรือพวก Social Media เลย ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงโดนแฮกสูง ซึ่งมากถึง 75% ที่ไม่ยอมเปลี่ยนรหัสเลย
ผลการสำรวจการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน พบว่า คนไทยนิยมเล่น Social Media มากที่สุด ( 78.2 ) อันดับ 2 คืออ่าน อีบุ๊ค 57.6% และอันดับ 3 ค้นหาข้อมูล 56.5%
มาถึงเรื่องเกี่ยวกับผลสำรวจคนไทยซื้อการซื้อของผ่านทางออนไลน์บ้าง ? พบว่า ในรอบ 3 เดือน คนไทยกล้าตัดสินใจซื้อของออนไลน์มากขึ้น เฉลี่ย 4,000 บาท ต่อครั้งในปี2014นี้ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว ที่คนไทยกล้าซื้อของออนไลน์ในช่วงราคา 500-1500 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะนิยมชำระผ่านทางโอนเงินธนาคารมากที่สุด (60.1%) อันดับ 2 บัตรเครดิต 42.8 อันดับ3 ชำระผ่านทาง Counter Service 16.8%
ส่วนด้านธุรกรรมทางการเงินบนออนไลน์ มีมูลค่าสูงสุดถึง 15,000 บาทต่อครั้ง ยิ่งกล้าธุรกรรมการเงินมูลค่าสูงขึ้นเมื่อไหร่ ยิ่งต้องระวังเรื่องภัยคุกคามความปลอดภัยทางเทคโนโลยีมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ สพธอ ได้ประกาศเตือนถึงประชาชนระวังภัย เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ทำธุรกรรมฯ โดยโอนเงินผ่านเว็บไซต์ธนาคารเสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพหลอกหลวง โดยถูกกรอกข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลการเงินผ่านหน้าเว็บเลียนแบบธนาคาร (“Phishing”) ซึ่งระบาดทางอีเมลเป็นจำนวนมาก ทั้งต้องตื่นตัวและรู้ทันในเรื่องความปลอดภัยด้วย ในกรณีใช้ผ่านแอพธนาคารนั้น การติดตั้งแอพธนาคารก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าใช่แอพที่อัพขึ้น store โดยธนาคารจริงๆหรือไม่ ?
และยังมีผลสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงจากการใช้มือถือด้วย พบว่า
- 51% ไม่ได้ติดตั้งแอพ Antivirus บนมือถือ
- 37.1% เลิกใช้มือถือเก่า ไปขายต่อหรือยกให้คนอื่น โดยไม่ได้ล้างข้อมูลออกจากเครื่อง
- 25% ไม่ยอมตั้งรหัสผ่านบนมือถือ
โดยเฉพาะผู้สูงอายุจะละเลยการตั้งรหัสผ่านใหม่ ซึ่งเสี่ยงจากการโดนแฮค ขโมยข้อมูลได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ควรติดตั้งแอพ Antivirus ไว้ตรวจสอบไวรัส,มัลแวร์ , Phishing ภายในมือถือ ควรตั้งรหัสผ่านบนมือถือ , หมั่นเปลี่ยนรหัสทุกๆ 3 เดือน และ หากไม่ใช้มือถือแล้วจะยกให้คนอื่น หรือนำมาขายให้ผู้อื่นได้ซื้อใข้ต่อ ควรล้างข้อมูลออกจากเครื่องด้วย ป้องกันข้อมูลส่วนตัวภายในสมาร์ทหลุดไปตกอยู่ในมือผู้อื่น
สำหรับข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับ รายงานผลสำรวจผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตประเทศไทยปี 2557 สามารถดาว์โหลดได้ที่ http://www.etda.or.th/internetuserprofile2014