พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และ รองประธาน กสทช. ได้เผยถึงนโยบายของกิจการโทรคมนาคมในปี 2557 โดยเตรียมพร้อมผลักดันการประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz เพื่อนำมาตอบสนองเทคโนโลยี LTE และ LTE Advanced อีกทั้ง เตรียมแผนจัดทำ Roadmap การออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการโทรคมนาคมหรือ 5 Years Spectrum Roadmap Thailand และนโยบายที่จะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน
ปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทผู้ให้บริการ ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ต่างลงทุนขยายเครือข่ายของตนเองเพื่อเพิ่มระดับความเร็วในการให้บริการมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นเพียงการเริ่มต้นการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับสากล (International Mobile Telecommunication หรือ IMT) ในประเทศไทย บนความถี่ย่าน 2100 MHz แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมากขึ้น
โดยสิ่งที่กสทช. โดยกทค. มุ่งเน้นมาโดยตลอดก็คือเรื่องการบริหารคลื่นความถี่ ตามบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งในปี 2557 นี้กทค. ได้เตรียมแผนจัดทำ Roadmap การออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการโทรคมนาคมหรือ 5 Years Spectrum Roadmap Thailand เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการคลื่นความถี่วิทยุของประเทศ อีกทั้งการเตรียมการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ 900 MHz ซึ่งทางคณะกรรมการได้ให้นโยบายกับคณะผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียในการประมูลคลื่นความถี่ในย่าน 1800 MHz และ 900 MHz ทั้งในรูปแบบการจัดประมูลแยกหรือจัดประมูลพร้อมกันทั้ง 2 คลื่นความถี่หรือการจัดประมูลในรูปแบบอื่นๆ มาเพื่อใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจและจัดทำหลักหลักเกณฑ์การประมูลคลื่นความถี่เพื่อตอบสนองเทคโนโลยี LTE และ LTE Advanced ต่อไป, การประเมินการใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 2300 MHz และ 2600 MHz เพื่อรองรับบรอดแบนด์ไร้สายในอนาคต นอกจากนี้การผลักดันความถี่ย่าน E-Band (70 – 80GHz) และความถี่ย่าน V-Band (60GHz) เพื่อนำมาใช้งานเป็น Fixed Link สำหรับเป็น Back Haul ของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือเป็นการใช้งานเป็นเครือข่ายภายในองค์กรต่างๆ ซึ่งนอกจากกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่จะต้องใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการแล้ว ในกิจการอื่นๆ ก็จำเป็นจะต้องใช้คลื่นความถี่เข้ามาช่วยสนับสนุนในกิจการแทบทั้งสิ้น อย่างเช่น การจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อรองรับ โครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง โดยการใช้คลื่นความถี่สำหรับควบคุมการจราจรและรักษาความปลอดภัยของระบบราง หรือ GSM-R ทั้งนี้การทำระบบรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศจำเป็นต้องวางระบบ GSMR โดยใช้ความถี่ย่านเดียวกัน เพื่อให้สามารถทำงานกันได้อย่างต่อเนื่องกัน แต่การสื่อสารระบบรางของประเทศไทยมีใช้หลายระบบปนกันอยู่, ระบบการขนส่งอัจฉริยะ ITS (Intelligent Transport System) ซึ่งเป็นระบบที่หลอมรวมเอาเทคโนโลยีด้านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีโทรคมนาคม มาผสมผสานให้เกิดการประยุกต์ใช้งาน และการกำกับดูแลการใช้งานคลื่นความถี่ด้านภารกิจเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามกรอบแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ดังนั้น กทค. จึงต้องพิจารณาเตรียมคลื่นความถี่วิทยุเพื่อรองรับระบบดังกล่าว เพื่อประโยชน์สาธารณะด้วย
นอกจากนี้นโยบายในการประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่กทค. กำลังจะดำเนินงาน ได้แก่ การทำแผนของกิจการโทรคมนาคมสำหรับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, แนวทางการกำกับดูแลกิจการดาวเทียม, แนวทางการกำกับดูแลกิจการเคเบิ้ลระหว่างประเทศทั้ง ภาคพื้นดินและภาคใต้ทะเล แนวทางการปรับเปลี่ยนการกำกับดูแลราคาค่าบริการ (Price Regulation) จากแนวทาง Rate of Return (ROR) ไปสู่แนวทาง Price Cap, การเตรียมพร้อมรองรับการกำกับดูแลเพื่อรองรับเทคโนโลยี NFV (Network Function Virtualization), นโยบายการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ประเทศไทยเป็น Hub ของภูมิภาค และการผลักดันให้เกิดการพัฒนาอินเทอร์เน็ตชุมชน (Community Broadband) เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพัฒนา และดูแลรักษาโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยตนเอง นอกจากนี้นโยบายการตรวจสอบคุณภาพการให้บริการที่กทค. ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการรักษาระดับคุณภาพในการให้บริการ
นโยบายที่สำคัญในปี พ.ศ. 2557 นี้ กทค. จะให้ความสำคัญในเรื่องของการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยสำนักงาน กสทช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านกิจการโทรคมนาคมก็เพื่อเป็นการส่งเสริม และพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้เข้าใจในบริบทการบริหารคลื่นความถี่ การใช้ประโยชน์คลื่นความถี่อันเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะและการกำกับดูแลด้านกิจการโทรคมนาคม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศ ในด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะอื่นๆ รวมทั้ง การแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม จะก่อให้เกิดผลดีต่อการพัฒนาช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย ตลอดจนสนับสนุนส่งเสริมสิทธิในการติดต่อสื่อสาร และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป ซึ่งทางกทค. โดยคณะอนุกรรมการฯดังกล่าว จะได้ลงไปในพื้นที่จริงเพื่อรับฟังปัญหา ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อจะได้นำเอาข้อมูลสารสนเทศมาปรับปรุงในการทำงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของชาติให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม กสทช. โดย กทค. จะกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งในห้วงปีที่ผ่านมาได้เกิดสิ่งเริ่มต้นในการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและการสื่อสารประเทศ โดยการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัญญาสัมปทานเข้าสู่ระบบใบอนุญาต โดยมีกสทช. เป็นหน่วยงานกำกับดูแลอย่างเข้มข้น เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และเกิดการพัฒนากิจการโทรคมนาคมสื่อสารของประเทศไทยให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับวิวัฒนาการของโลกท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในระดับสากลต่อไปๆ