รายการ it24hrs on radio ทาง FM 106 วิทยุครอบครัวข่าว ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ทีม startup ไทย อย่างทีม Piggipo แอพเจ้าหมูเขียว ซึ่งเป็นทีมผู้ชนะได้รางวัล Black Box จาก dtac accelerate ซึ่งทีมนี้จะได้เดินทางไปดูงาน Startup ที่ silicon valley ด้วย มาทำความรู้จักกับเบื้องหลังความสำเร็จของทีมนี้กัน
สำหรับสมาชิกในทีม Piggipo นี้ มีทั้งหมด 7 คน นำทีมโดย คุณกั๊ก ปอ ทราย ที โก้ ซึ่งได้มาออกรายการวิทยุในวันนี้ และยังมีอีก 2 คน คือคุณพลอย และคุณนิ้ง ซึ่งติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมรายการได้
รางวัล black box ที่ Piggipo ได้มาคืออะไร ?
คุณกั๊ก : รางวัล Black box เป็นโครงการที่อยู่ใน silicon valley เป็นบริษัทที่เค้าให้โอกาส ตัวแทนแต่ละประเทศ 21 ประเทศทั่วโลก เข้าไปลองใช้ชีวิตสัมผัสบรรยากาศของ การทำ startup ใน silicon valley
เคล็ดลับความสำเร็จ มีการเตรียมความพร้อมในการแข่งขันอย่างไรบ้าง ?
คุณกั๊ก: ก่อนอื่นเราก็จะต้องเข้าใจตัวเราว่า เราทำแอพอะไร เพื่ออะไร เป้าหมายคือใคร และการแข่งขันก็หมายความว่าเราจะต้องเจอกับคู่แข่ง ซึ่งการเตรียมความพร้อมนั้นเราต้องศึกษาคู่แข่งของเรา ว่าเค้าทำแอพแบบไหน มีจุดอ่อนยังไง แล้วเราก็ต้องวางแผน ซี่ง dtac accelerate จะมีระยะเวลาเข้าแคมป์นาน 3 เดือน เราต้องวางแผนว่า อีก3เดือนข้างหน้า อยากจะเป็นอะไร แล้วยิ่งเขียนลงรายละเอียดในแต่ละเดือน ว่าเราจะทำให้ถึงเป้าหมายแค่ไหน ทำให้เรายิ่งมีความพร้อมในการแข่งขันมาก
เคยเข้าแข่งขันก่อนหน้านี้ไหม ?
คุณกั๊ก :แอพ piggipo ไม่เคยเข้าประกวด หรือเข้าแข่งขันที่ไหนเลย โชคดีที่ทางดีแทค ให้โอกาสเรามาเป็น 1 ใน 5 ทีมสุดท้าย
การที่เราเข้ารอบมาถึง 5 ทีมสุดท้ายนี้ ได้อะไรบ้าง?
คุณกั๊ก : กั๊กมองว่า การที่ได้เข้ามาถึงรอบ 5 ทีมสุดท้าย สิ่งที่ได้คือผลงานแอพของเรามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เพรา dtac เค้าลงทุนกับเรา จากเดิมเป็นแค่ developer กลุ่มนึง เป็นบริษัท noname แต่ dtac มาลงทุนด้วย ทำให้ได้ความน่าเชื่อถือมากถึง พอได้เข้าแคมป์แล้ว dtac ก็จะเชิญพวกคนที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญในด้านต่างๆเกี่ยวกับ start up มาสอนเรา เช่น 1 ใน 10 online marketer มาให้ความรู้กับเรา และ ได้ connection ที่ dtac เปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้พูดคุย ไปเจอกับบริษัทใหญ่ๆเกี่ยวกับ start up ต่างๆด้วย
ก่อนที่ได้มาเข้าค่าย กับหลังเข้าค่าย แนวคิดเปลี่ยนไปมั้ย ?
จากที่เราได้เข้าค่ายนี่ เราได้รู้ว่ากระบวนการทำ start up มีอะไรบ้าง อุปสรรคที่ต้องฝ่า มีอะไร ในระยะเวลา 3เดือน ทำให้เรารู้อะไรหลายๆอย่าง
อุปสรรค์มีอะไรบ้าง?
เยอะมาก ธุรกิจ startup ต้องขยันและรวดเร็วตลอดเวลาเทียบได้ว่า 1 วันธุรกิจ startup เท่ากับ 10 วันของบริษัทใหญ่ๆ ดังนั้น มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเร่งรีบ และต้องมีพลัง Power ในการทำงานสูง มีความขยัน ทุ่มเทเต็มที่ และจริงจังในงาน
กั๊กกล่าวเสริมว่า จากก่อนเข้าและหลังเข้าร่วม dtac accelerate เรารู้สึกว่ามองโลกเปลี่ยนไป startup ทำให้เรามองในด้าน positive มองแง่บวกมากขึ้น เราเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ จากเดิมที่ เราไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ว่าไอเดียนี้ประหลาดเป็นไปไม่ได้ท่จะเกิดขึ้น แต่ start upจะไม่มีคำว่าเป็นไปไมได้ … คุณก็ลองทำดูสิ มันอาจเป็นไปได้ก็ได้ ถ้าแนวคิดเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยน
คิดว่าเราจะชนะเลิศมั้ย ? เห็นว่าตอน present นี้ดูเครียด ตื่นเต้นมั้ย มั่นใจแค่ไหน?
ตื่นเต้นมาก ทุกทีมก็มั่นใจเหมือนกันหมด แต่เราก็แอบหวังว่ามีโอกาสที่จะชนะเหมือนกัน เพราะแอพนี้มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อผู้ใช้งานได้ใช้ได้เกิดประโยชน์
แอพที่เลือกพัฒนา เป็นแอพประเภทไหน?
แอพมีชื่อว่า piggipo เป็น mobile application ที่จัดการในด้านรายงานค่าใช้จ่ายบัตรเครดิต สามารถบันทึกรายจ่ายเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตชำระ แอพนี้มีการแจ้งเตือนในช่วงใกล้ตัดรอบ และวันสุดท้ายของการจ่ายเงิน สามารถคำนวนการผ่อนสินค้าต่างๆได้ด้วย มีการแสดงกราฟว่าผู้ใช้งาน มีการใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหนในแต่ละเดือน บนบัตรเครดิตแต่ละใบ ทำให้เราทราบภาระค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถจัดการในการคุมค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ แอพตัวนี้ช่วยเห็นภาพรวมของการใช้เงินมากขึ้น
ทีมนี้มีการ survey มาก่อนด้วย ?
คือว่า ตัวกั๊กเองจบด้านการตลาดมา ทำให้เชื่อว่าการที่จะไม่ลงทุนทำอะไรไปฟรีๆ เราต้องมีการพิสูจน์ก่อนที่จะทำ มีเพื่อนกั๊กทำฝ่าย R&D ทำพวกวิเคราะห์ว่า ผู้บริโภคต้องการอะไร สิ่งนั้นมีคนมากแค่ไหนต้องการ สิ่งที่อยากได้นี้เป็นหน้าตาแบบไหน เพื่อทำแล้วจะตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย
ตอนเริ่มลงมือพัฒนาแอพ มีอะไรเป็นปัญหาติดขัดหรือไม่ ?
ด้วยรูปแบบการใช้งานบัตรเครดิตนี้ค่อนข้างซับซ้อน เช่นจ่ายเงินขั้นต่ำ จ่ายเงินก่อนครบรอบได้ เรื่อง requirement และความยุ่งยาก ของรูปแบบการใช้งานบัตรเครดิต เป็นอุปสรรคอย่างนึงสำหรับทีม พยายามเอาความยุ่งยากของบัตรเครดิตมาตบแล้วนำเสนอให้ผู้ใช้งานได้ใช้ในรูปแบบแอพบนมือถือ ที่ใช้งานอย่างเรียบง่าย
กั๊ก: ตัวอย่างที่เจอมา พอได้ออกมาเป็นแอพ ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งาน โดยผู้ใช้ได้ส่ง requirement เรียกร้องอยากให้พัฒนาให้เพิ่มฟีเจอร์ที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งทีมงานจะต้องเลือกฟีเจอร์ที่ผู้ใช้อยากได้ มาวิเคราะห์ก่อน เพราะ 80% ของผู้ใช้ ใช้เพียง 20% ที่เป็นฟีเจอร์ในแอพ หากจะพัฒนาให้ฟีเจอร์เยอะครอบคลุมทั้งหมดนี้มันกลับกลายเป็นว่าแอพมีความยุ่งยากซับซ้อนขึ้น ใช้งานยากขึ้น กระทบผู้ใช้ส่วนใหญ่ ซึ่งทีมงานเองอาจไม่สามารถทำตามใจผู้บริโภค ที่ request เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดได้ ก็เป็นประสบการณ์ที่เป็นอุปสรรค์ที่ทีมงาน piggipo พบ
ทำไมเลือกทำแอพเกี่ยวกับบัตรเครดิต ?
ทราย : จริงๆแล้ว แอพบัตรเครดิต อาจเรียกได้ว่าเจอมากับตัว เพราะผู้หญิงชอบใช้เงินในการช็อปปิ้งเพลิน พอปลายเดือนเจอบิลช็อค ทำไมรายจ่ายเยอะขนาดนี้ ก็เลยมาปรึกษากับเพื่อนๆกัน และด้วยตัวกั๊กสนใจที่จะพัฒนาแอพอยู่แล้ว ก็เลยทำแอพนี้ขึ้นมา แล้วก็มาลองใช้กันดู ก็เห็นว่าดี และก็ลอง research ตลาดดู ก็พบว่าหนี้บัครเครดิตหรือปัญหาการใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายเกินตัว เป็นปัญหาของทุกคน ก็เลยทำแอพนี้อย่างจริงจัง
จากที่สำรวจตลาด มีคู่แข่งที่ทำแอพแบบเหมือนที่เราทำนี้มั้ย?
แอพส่วนใหญ่ในตลาดจะเป็นแค่แอพบันทึกรายรับ รายจ่าย จากที่สำรวจเมื่อต้นปี พบว่าไม่มีแอพไหนเลย ที่ทำเป็นแบบบันทึกการใช้งานบัตรเครดิตแบบเฉพาะเจาะจง ทั้งๆที่มันเป็นปัญหาจริงๆสำหรับคนไทย และคนไทยมีความต้องการแอพลักษณะนี้สูงด้วย ก็เลยเป็นโอกาสของพวกเราที่สามารถทำแอพบันทึกการใช้จ่ายบัตรเครดิตเป็นเจ้าแรก
แบ่งหน้าที่กันทำงานพัฒนาแอพอย่างไรบ้าง ?
สำหรับผม ต้องดูภาพรวมก่อนว่า ต้องใช้เทคโนโลยีอะไรบ้าง ต้องออกแบบแอพอย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ จริงๆแล้วทุกคนมีชื่อตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ว่า สุดท้ายแล้วก็ช่วยๆกันทำนี่แหละ มีตำแหน่ง CTO ดูแลเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีทั้งหมดที่จะนำมาใช้ โก้ ก็ดูในส่วนแอพเวอร์ชั่น iOS เป็นหลัก คุณที เป็นตำแหน่ง Web Developer ดูแลด้านเว็บไซต์ คุณทราย อยู่ตำแหน่ง Marketing ดูแลลูกค้า คุณกั๊ก ก็ดูแลเพื่อนๆ เกี่ยวกับตัวโครงการ ซึ่งกั๊กก็เป็นคน Present นำเสนอแอพต่อคณะกรรมการ
ลูกค้าเป็นใครบ้าง?
ลูกค้าจะมี 2 กลุ่มหลักๆ
- กลุ่มผู้ใช้ที่เน้นบริหารการใช้เงิน จดบันทึกรายรับรายจ่าย
- กลุ่มผู้หญิง ที่เป็นนิสัยชอบช็อปปิ้งเพลิน
โหลดแอพที่ไหน ?
กั๊ก : Search คำว่า piggipo ดาวน์โหลดฟรี ได้ทั้งบน App Store สำหรับ iOS และ Google Play สำหรับ Android ค่ะ
ทำไมถึงเป็นหมู ?
ที่เป็นหมูนี่ก็เพราะ พอพูดถึงการออมเงิน จะนึกถึงกระปุกออมสินรูปหมูค่ะ
เมื่อเราทำแอพฟรี จะหาเงินหารายได้จากแอพฟรีได้อย่างไร?
สำหรับ startup ในช่วงแรกๆ โมเดลธุรกิจ เราก็หานายทุนที่คนที่เชื่อใน Product ของเรา เชื่อว่าเราจะไปได้ เค้าก็จะเอาเงินไปให้เรา เพื่อที่จะให้ start บริษัทให้มันอยู่ได้ในระดับหนึ่ง แต่ว่าในอนาคตเราก็มีแผนว่า จะหารายได้จากการขาย Advertising ให้กับธนาคาร เพราะธนาคารเอง ก็อยากจะโปรโมตเกี่ยวกับโปรโมชั่นบัตรเครดิตให้กับลูกค้าที่ใช้แอพอยู่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับ Piggipo คือผู้ใช้บัตรเครดิต ในขณะที่คนที่ใช้แอพ Piggipo เองก็ ถ้าทราบโปรโมชั่นต่างๆจากธนาคารได้โดยตรง ผู้ใช้ก็จะ Happy มาก ซึ่งก็เป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายผู้ใช้แอพ และ ทางธนาคาร
เชิญชวนผู้ฟังมาสมัครโหลดแอพเยอะๆ จะรณรงค์อย่างไร ?
แอพ Piggipo เป็นแอพที่พัฒนาโดยคนไทยล้วนๆ ทำขึ้นมาเพราะ เราคิดว่าเราอยากจะให้ คนไทยมีการใช้จ่ายเงิน ที่ไม่เกินตัว แล้วก็ มีความสุขเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้วบบัตรเครดิต อยากให้ทุกท่านช่วยสนับสนุนและลองโหลดแอพ Piggipo ตัวนี้ดูค่ะ มีอะไรก็สอบถามพูดคุย ก็สามารถพูดคุยกับทีมงาน Piggipo ได้โดยตรง ทั้งทาง Facebook Page: Piggipo และเว็บไซต์ Piggipo.com ก็ได้ค่ะ
ฝากทิ้งท้ายหน่อยสำหรับคนที่เข้าสู่วงการ Start up และคนที่จะสมัครโครงการ Dtac Accelerate .
กั๊กเชื่อว่าทุกๆคน ก็มีฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ มีไอเดียดีๆทีมากมายอยู่แล้ว คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกค่ะ ก็คิดว่าอยากจะให้คนที่เค้ามีความฝันนี้ กล้าที่จะลุกขึ้นมาลองทำดู แล้วหนึ่งในนั้น โครงการ Dtac Accelerate .ก็ช่วยสนับสนุนคนไทยที่กล้าคิด และก็ให้มีโอกาสได้ลองทำ ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน ด้านคำปรึกษา และการตลาดค่ะ