พ.อ. ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวถึง ผลการประชุมคณะอนุกรรมการเตรียมการเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 1800 MHz ครั้งที่ 2/2557 ในวันพุธที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา
โดยกำหนดแนวทางการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz จะจัดประมูลขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะนำคลื่นความถี่ทั้งหมด 25 MHz มาประมูล แบ่งเป็น 2 ล๊อต คือ 12.5 MHz และ 12.5 MHz ซึ่งผู้ประมูลสามารถประมูลได้ชุดคลื่นความถี่เดียว โดยใบอนุญาตจะมีอายุ 19 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันที่ กสทช. ให้อนุญาต ส่วนคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่จะหมดสัมปทานในปี 2561 นั้น จะนำมาประมูลในเวลาที่เหมาะสมต่อไปโดยใบอนุญาตจะมีอายุ 15 ปี จึงทำให้ทั้งสองคลื่นหมดอายุการอนุญาตลงพร้อมกัน ซึ่งจะเป็นการง่ายสำหรับการประมูลในครั้งต่อไป
ส่วนแนวทางการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz จะจัดการประมูลขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2557 โดยจะประมูลคลื่นความถี่ทั้งหมดจำนวน 17.5 MHz แบ่งเป็น 2 ล๊อต (ชุดคลื่นความถี่) คือ 10 MHz และ 7.5 MHz ซึ่งผู้ประมูลสามารถประมูลได้ทั้ง 2 ล๊อต โดยใบอนุญาตจะมีอายุ 15 ปีนับจากวันที่ กสทช. ให้อนุญาต ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาหลังจากวันที่คลื่นความถี่สิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
พ.อ. ดร. เศรษฐพงค์ กล่าวว่า “แนวทางการประมูลทั้งสองคลื่นมีแนวทางเหมือนกันคือ ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันสำหรับผู้ประกอบการทุกราย แต่ก็ได้มีการกำหนดการดำเนินการต่างๆ ในการประมูลที่อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด เช่น การวางหลักประกันการประมูลที่ต่ำ การผ่อนจ่ายค่าประมูล เป็นต้น รวมทั้งเรื่องของข้อกำหนดความครอบคลุมโครงข่าย โดยกำหนดให้ครอบคลุมโครงข่ายอย่างน้อย 40% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ภายใน 4 ปี สำหรับผู้ประกอบการทุกราย ซึ่งเป็นระดับที่ประกันว่าผู้ประกอบการจะมีการนำคลื่นความถี่ที่ประมูลได้ไปใช้งาน และเป็นระดับที่ไม่สร้างภาระให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ที่เกินควร ในส่วนของรูปแบบการประมูล ที่ประชุมเห็นชอบรูปแบบ Ascending Simultaneous Multi Round Ascending Auction (SMRA) ซึ่งเป็นการประมูลรูปแบบเดิมที่เคยใช้ในการประมูล 3G บนคลื่นความถี่ 2100 MHz จึงเป็นวิธีที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจกับสังคม “
ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งต่อไป จะได้ทราบคำตอบของราคาตั้งต้นของการประมูลคลื่น 900MHz และ 1800MHz ในวันที่ 18 เมษายน นี้ จากนั้นจะเป็นกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม กทค. อีกครั้ง ก่อนจะนำเข้าที่ประชุม กสทช. และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป