เมื่อวันที 2 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ณ จิม ทอมสัน ฟาร์ม นครราชสีมา กรมหม่อนไหม ร่วมกับ NECTEC สวทช. แถลงข่าวเปิดตัว ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเกษตรกรไทยแบบพกพา เพื่อการจัดการกระบวนการผลิตตลาดไหมไทย เพื่อจัดทำข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว ซึ่งทีมงานไอที24ชั่วโมง ได้ไปเยี่ยมชมด้วย ซึ่งเป็นระบบที่กรมหม่อนไหมร่วมมือกับ NECTEC ในการพัฒนาข้อมูล ซึ่งจะทำให้ตลาดอุตสาหกรรมไหมไทยเติบโตขึ้นและยังเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านผู้ผลิตไหมอีกด้วย
เบื้องต้นจะเริ่มต้นด้วยการลงทะเบียนเกษตรกรด้านหม่อนไหมทั้งประเทศ โดยการจัดเก็บข้อมูลลงทะเบียนเกษตรกร ด้วยการใช้บัตรประชาชน Smart Card มาเสียบกับเครื่องอ่านบัตรบนแท็บเล็ต Android ซึ่งเจ้าหน้าที่จะใช้ Mobile Thai Silk ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาต่อยอดจาก TAMIS – Thailand Argiculture Mobilie Information System (ทามิส) ระบบสารสนเทศเพื่อการเกษตรไทยแบบพกพา ที่พัฒนาโดยทีมนักวิจัย NECTEC เป็นเครื่องมือที่ช่วยใช้ในการลงทะเบียนเกษตรด้านหม่อนไหม โดยใช้อุปกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูลคือ แท็บเล็ต Android และตัวอ่านบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งจะช่วยให้การลงทะเบียนเกษตรเป็นไปอย่างง่าย สะดวก รวดเร็วและลดการผิดพลาดจากการกรอกผิด มีความแม่นยำ น่าเชื่อถือ สามารถใช้งานได้ทั้ง Offline และ Online ไม่ต้องเสียเวลาเขียนลงกระดาษแล้วมาคีย์ข้อมูลลงคอมซ้ำซ้อน จากที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้แท็บเล็ตนี้ในการลงทะเบียนเกษตรกรหม่อนไหม เพียงแค่ 3-4 วัน มีการลงทะเบียนไปแล้ว 700 กว่าคน
Mobile Thai Silk มีตัวแอพที่ช่วยจัดเก็บข้อมูลเกษตรกร และอุปกรณ์อ่านบัตรสมาร์ทการ์ด
ตัวระบบ Mobile Thai Silk นี้ประกอบด้วย 7 ส่วนหลักๆ คือ
1. ระบบลงทะเบียนเกษตรด้านหม่อนไหม ด้วยบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด ผ่านอุปกรณ์แท็บเล็ต Android สามารถถ่ายรูปคนเพิ่มเติมได้
2. ตรวจพิกัดพื้นที่ ด้วย GPS และแผนที่ google maps ระบบสามารถคำนวนแสดงจำนวนพื้นที่ไร่ เลือกไว้ได้เลย และสามารถถ่ายรูปสภาพสถานที่เพิ่มเติมได้ด้วย
3. ระบบทะเบียนผลผลิต ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม เส้นไหม
4. การตรวจประเมินผลผลิตคุณภาพเส้นไหม ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร สามารถใช้แท็บเล็ตในการตรวจประเมินได้เลย คำนวนเกณฑ์ได้ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ 8000-2555 )
5. ลงทะเบียนผู้ประกอบการซื้อหม่อนไหมผ่านทางเว็บไซต์ สามารถดูความต้องการผู้ประกอบการว่าต้องการคุณภาพไหมแบบไหน
6. ลงทะเบียนผู้เชี่ยวชาญด้านหม่อนไหม
7. รายงานสรุปผลและรายงาน แบบ Real-time
สิ่งที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ จากการใช้ระบบไอทีมาช่วยเกษตรกร
- ประชาชนสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า เป็นผ้าไหมแท้หรือไม่ มาจากใคร สามารถตรวจสอบที่มาของผลผลิตได้ที่ระบบบนเว็บไซต์
- ชาวเกษตรกรหม่อนไหม สามารถขายไหม ได้ในตลาดที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
- ประชาชนได้ใช้ระบบไอทีนี้มาพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าไหมไทย ให้เติบโต รวดเร็วขึ้น สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
- ผู้ประกอบการ และผู้ซื้อสามารถตรวจสอบที่มาของเส้นไหม และผู้ประกอบการติดต่อสั่งซื้อกับผู้ผลิตเส้นไหมโดยตรง ผ่านทางโทรศัพท์ที่ปรากฎบนเว็บไซต์
- เกษตรกรได้รับทราบความต้องการไหมชนิดต่างๆ จากผู้ประกอบการ แบบ real-time
- ตัดขั้นตอนการซื้อผ่านพ่อค้าคนกลางที่กดราคารับซื้อเส้นไหม
- ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อเส้นไหมไปผลิตเป็นสินค้า เช่นไปทอเป็นผ้าไหม ไปทำเสื้อผ้า สามารถติดต่อซื้อกับผู้ผลิตเส้นไหมได้โดยตรง
สิ่งที่นักพัฒนาตั้งเป้าจะพัฒนาระบบ Mobile Thai Silk ในอนาคตคือ
- ระบบซื้อขาย สามารถซื้อขายกันผ่านทางเว็บไซต์ ( E-Commerce )
- มีระบบรับประกันราคากลาง
- การตรวจประเมินคุณภาพที่ได้มาตรฐานยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย
- การตรวจสอบการซื้อขายที่ถูกต้องโปร่งใส
ซึ่งจะใช้เวลาพัฒนาฟีเจอร์ใหม่นี้ให้ได้ใช้ประมาณ 1-2 ปี
และนี่คือผลงานนักวิจัยไทย Mobile Thai Silk ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการกระบวนการผลิตและตลาดไหมไทย ที่พร้อมที่จะนำไอทีมาช่วยชาวเกษตรผู้ผลิตไหมไทย ให้ได้รับข้อมูลที่แม่นยำถูกต้อง ปลอดภัย น่าเชือถือ ลดขั้นตอนการซื้อผ่านพ่อค้าคนกลาง ได้ข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผนพัฒนาตลาดไหมไทยให้เติบโตแข่งขันกับต่างชาติได้มากขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยดีขึ้นด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจ เกี่ยวกับระบบ TAMIS – Thailand Argiculture Mobilie Information System ซึ่งเป็น ระบบสารสนเทศเพื่อเกษตรไทยแบบพกพา ที่นำมาพัฒนาต่อยอดมาเป็น Mobile Thai Silk ระบบไอทีเพื่อการจัดการผลิตและตลาดไหมไทย สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ tamis.in.th