จากตอนที่แล้วเราได้นำเสนอเกี่ยวกับรูปแบบโครงการ แม่ฮ่องสอนไอทีวัลเลย์ ที่จะพัฒนาทักษะเรื่องไอทีให้กับน้องๆนักเรียนในจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เข้าร่วมโครงการ ให้มีศักยภาพในการใช้ไอทีให้เกิดประโยชน์ในจังหวัดของตัวเองซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีหุบเขาสูง จำนวนมาก ยากต่อการเดินทาง และเป็นชนบทที่ยากในการเข้าถึงเรื่องไอทีด้วย วันนี้มาดูว่าน้องๆเค้าได้เข้าร่วมโครงการนี้ได้อย่างไร? และได้อะไรจากโครงการไอทีวัลเลย์บ้าง
น้องกาย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งเป็นกลุ่มแรกๆที่ได้เข้าร่วมโครงการค่ายไอทีวัลเลย์แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และจัดขึ้นทุกๆปี ได้เรียนเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม และการทำแอนิเมชั่น และได้แข่งขันทำโครงการคอมพิวเตอร์ในช่วง ม.ปลาย ด้วย อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้เริ่มเห็นแววน้องจึงสอบถามน้องๆว่าสนใจจะเรียนในมหาวิทยาลัยแม่โจ้มั้ย น้องก็ส่งประวัติผลงานการแข่งขันนี้ไป ก็ได้โควต้าจาก ม.แม่โจ้ ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และมาช่วยเป็น STAFF ของค่ายไอทีวัลเลย์ด้วย ตอนในช่วงปีสุดท้าย ก็ได้ทำเว็บไซต์ตามที่อาจารย์มอบหมาย มีรายได้เพียงพอที่ส่งตัวเองไปเรียนด้วย และได้ช่วยอาจารย์เกี่ยวกับทำเว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวด้วย สำหรับอนาคตก็จะเป็นทำงานในสายโปรแกรมเมอร์ อีกคนคือน้องชัย ได้เข้าร่วมไอทีวัลเลย์เป็นรุ่นที่ 2 และได้เข้าค่ายทุกปี ได้รับโอกาสศึกษาต่อที่ ม.แม่โจ้ แม้ครอบครัวจะไม่มีกำลังทรัพย์มาเรียนแต่ ได้รับความอนุเคราะห์จาก nectec และมหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนทรัพย์ในการศึกษาระดับอุดมศึกษา ด้วย มีโอกาสมาช่วยเป็น Staff ของโครงการไอทีวัลเลย์ โครงการนี้เปิดโอกาสให้เด็กที่อยู่ห่างไกลความเจริญ เป็นจังหวัดค่าครองชีพต่ำ ได้เปิดโอกาสและอัพเกรดความรู้ของตัวเองและพัฒนาตนเอง นำความรู้มาใช้ในพัฒนาจังหวัดของตนเอง เมื่อเข้าโครงการแล้วจะมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ที่แน่นมากพอที่จะสอบแข่งเข้าอุดมศึกษาได้
ต่อมาเราก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ที่ประกวดแข่งขันด้าน FILM กับ น.ส. ประภัสสร นะแบง , น.ส. มนทิพย์ มูลสุข , น.ส. พิกุล โสแว ชั้น ม.6 จาก โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ ๒๒ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นนักเรียนในโครงการแม่ฮ่องสอนไอทีวัลเล่ย์ ซึ่งได้รับรางวัลยอดเยี่ยมสาขา FILM จากผลงานเรื่อง “นิทานเรื่องขุนสามลอกับนางอูเปี่ยม ”
นส.ประภัสสร ตัวแทนกลุ่ม ได้เล่าให้ฟังว่า “ตอนแรกเหมือนโดนบังคับมา จริงๆไม่ชอบเรียนคอมนักแต่อยากจะลองว่าเป็นอย่างไร พอมาอยู่ในค่ายแล้ว รู้สึกแปลกใหม่ๆ ได้ความรู้และสนใจจนอยากเรียนขึ้นมา ซึ่งรุ่นพี่ในค่ายจะกระตุ้นในสิ่งที่เป็นของตัวเองออกมา ตอนแรกพ่อแม่ก็อยากจะให้หนูเรียนเพื่อมาเรียนต่อเพื่อให้ได้สาขาอาชีพเกี่ยวกับข้าราชการ เป็นครู เป็นพยาบาล ซึ่งเป็นความคิดเดิมๆ แต่จากที่ได้เรียนรู้จากพี่ๆที่ได้เปิดกว้างแล้ว ทำให้เราได้รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร อาชีพอิสระก็มีเลือกทำหลายอย่าง ทำให้เราไปสู่โลกกว้าง สำหรับอนาคตของหนูที่กำลังจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย เริ่มทำให้เราคิดและยังลังเลว่าจะเรียนต่อด้านไหนดี พ่อแม่จะแนะนำว่าเป็นข้าราชการมั่นคงกว่า แต่ถ้าหนูมีเหตุผลว่าเรียนด้านไอที และได้อาชีพที่ทำงานแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“บางคนคิดว่าไอทีอาจทำให้คนขี้เกียจ เพราะมันช่วยอำนวยความสะดวกมาก แต่ถ้าเราคิดเป็นใช้ไอทีให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีไม่ได้ทำลายชีวิตเรา แต่เราทำกับเราเอง เราต้องใช้ไอทีให้เป็น”
ภาพยนตร์เรื่อง “แค่นิทาน หรือเรื่องเล่า (give you more) ขุนสามลอ นางอูเปี่ยม ” ผลงานของน้องๆโครงการไอทีวัลเลย์
น้องๆได้เล่าเบื้องหลังกว่าจะได้ FILM หนังสั้นนำเสนอเรื่อง นิทานเรื่องขุนสามลอกับนางอูเปี่ยม มาเสนอนี้ ตอนแรกไม่รู้ว่าจะเสนอในมุมมองไหนดี แต่เรารู้ว่าเนื่องจากเราอยู่ในชนเผ่าไทใหญ่ เราก็จะท้อนเกี่ยวกับชนเผ่าไทยใหญ่ และเค้าได้รู้เกี่ยวกับ นิทานเรื่องขุนสามลอกับนางอูเปี่ยม ซึ่งผู้ใหญ่เล่ามาบ่อยมาก และได้ยินตั้งแต่เด็กด้วย เลยทำหนังสั้นเรื่องนี้ ทีแรกมันจบไม่ลง คือบรรพบุรุษจะคิดว่ามันมีจริง มันเป็นตำนาน แต่ถ้าถามคนภาคกลางก็บอกว่าไม่ใช่หรอกเป็นแค่นิทาน คราวนี้จบไม่ลงว่า ตกลงมันเป็นเรื่องจริงหรือนิทานกันแน่ ? สุดท้ายก็ได้สรุปว่าไม่ว่าจะจริงหรือนิทาน ถามตัวผู้ชมหรืออ่านเองว่าเราได้อะไรสำคัญจากเรื่องนี้มากกว่า เลยจบลงหนังสั้นแบบนี้ สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับ นิทานเรื่องขุนสามลอกับนางอูเปี่ยม เป็นตำนานความรักในแม่ฮ่องสอนที่เล่าต่อกันมาของชาวไทใหญ่
ผลงาน FILM อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจและได้รับรางวัล คือ เรื่อง “งมงาย” ผลงานของ นายกิตติกร อัครมณีกาญจน์ และนายภาคภูมิ ปรีชาถาวร ชั้น ม.6 โรงเรียนปางมะผ้าพิทยาสรรพ์ ที่นำเสนอหนังสั้นที่แปลก ตามแนวคิดว่า ความงมงายมักมองในแง่ลบ แต่ความเชื่อที่งมงายนี้ ก็เป็นสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่ โดยได้นำเสนอ เรื่องราวของป่าสักที่อยู่คู่แม่ฮ่องสอน 100 ปี ที่มีมุมมองความเชื่อเรื่องการห้ามตัดไม้ เพราะผีจะมาหักคอได้ แม้จะเป็นเรื่องงมงายแต่การเชื่อเรื่องงมงายนี้ทำให้ป่าไม้ยังอยู่คู่แม่ฮ่องสอนได้จนถึงวันนี้
นอกจากนี้ยังมีผลงานน้องๆ จากโครงการแม่ฮ่องสอนไอทีวัลเลย์มากมาย มาแสดงในงานแล้ว ยังมีนิทรรศการผลงานของนักศึกษา คณะ Digital Art ของ มหาวิทยาลัยศรีปทุม , ผลงานชนะเลิศของนักศึกษา โครงการ Thailand Animation Contest 2007-2013 และผลงานบางส่วนที่ได้รางวัลจาก การแข่งขัน Asia Digital Art Award 2012 ประเทศญี่ปุ่นด้วย
รวมทั้งยังมีงานแสดงศิลปะที่ไม่ธรรมดาอย่าง ศิลปะจาก Interactive Art ที่จะใช้การแสดงผลแบบ Augmented Reality ( AR ) โดยแสดงผ่านแอพ Bloomcard และ ARAET บน iPhone และ iPad มาใช้ในการส่องภาพ โดยเมื่อส่องภาพแล้ว ภาพศิลปะก็จะเคลื่อนไหวให้ดูบน iPhone และ iPad ด้วย
ทั้งหมดนี้จะแสดงในงาน Mae Hong Son Digital Art Festival 2014 ภายใต้แนวคิด แม่ฮ่องสอนบ้านฉันเที่ยวได้ทั้งปี ในวันที่ 20 มกราคม -19 มีนาคม 2557 ณ ศูนย์ศิลปะหญ่านศิลป์ และ ณ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต จ.แม่ฮ่องสอน