กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) แถลงยัน โลกมืด 6 วันไม่จริง หลังกระแส Social Network แชร์ไม่หยุด แม้เคยแถลงข่าวไปแล้วเมื่อตุลาคม พร้อมแจงข้อเท็จจริงพายุสุริยะไม่ก่อให้เกิดฝุ่น และขยะอวกาศไม่สามารถบดบังโลก วอนประชาชนพิจารณาเนื้อก่อนแชร์ขึ้น Social Network
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ โดย ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการฯ และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) โดย ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฯ ร่วมกันแถลงข่าว ชี้แจงกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลบน Social Network ว่า “นาซา (NASA) ระบุโลกจะมืดไป 6 วันในเดือนธันวาคมนี้ ” นั้น ไม่เป็นความจริง
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า “ข่าวลือเรื่องโลกจะมืด 6 วันนี้ โดยส่วนตัวก็ได้ยินมาระยะหนึ่งแล้ว และยังคงมีการแชร์ต่อกันอยู่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ทั้งภาพและรายละเอียดประกอบ ตลอดจนแหล่งที่มีการอ้างถึงอย่างองค์การนาซ่านั้น ก็มีความน่าเชื่อถือ จึงยังทำให้มีหลายคนที่ยังเคลือบแคลง โดยมีการโทรศัพท์สอบถามมาอย่างต่อเนื่อง กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีหน้าที่ให้ข้อเท็จจริงด้วยเหตุและผลเชิงวิทยาศาสตร์ จึงขอให้รายละเอียดที่เป็นจริงเพื่อยุติข่าวลือดังกล่าว โดย สดร. ซึ่งเกาะติดสถานการณ์ปรากฎการณ์ทางด้านดาราศาสตร์และภาคพื้นเอกภพ ได้ตรวจสอบข่าวดังกล่าวอย่างรอบด้านแล้วว่าเป็นข่าวที่มาจากเว็ปลวงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ ศึกษาข้อมูลและความเป็นไปได้ด้วยเหตุและผล ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง และควรระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้วย”
ดร. ศรัณย์ เปิดเผยว่า เรื่องข่าว โลกมืด 6 วัน เผยแพร่มาจาก “สำนักข่าว” huzlers แท้จริงแล้ว huzlers ไม่ใช่สำนักข่าวจริงๆ แต่เป็นสำนักข่าวที่เขียนข่าวขำขัน เขียนเรื่องสร้างความตื่นตระหนกให้คนตกใจเล่นๆ แม้กระทั่งตัวเพจเองก็เขียนเอาไว้ด้านล่างว่า “Huzlers.com is a combination of real shocking news and satirical entertainment to keep its visitors in a state of disbelief.” โดยข่าวลวงโลกดังกล่าว ระบุว่า วันที่ 16-22 ธันวาคม โลกจะตกอยู่ในความมืดสนิท เพราะพายุสุริยะจะทำให้เกิดฝุ่นและขยะอวกาศมาบดบังจนโลกอยู่ในความมืดสนิท
ดร.ศรัณย์ กล่าวว่า “กรณีที่ว่าพายุสุริยะจะทำให้เกิดฝุ่นละอองนั้น ก็ไม่เป็นความจริง อีกทั้งไม่สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวด้วย อย่างมากที่สุดพายุสุริยะสามารถทำให้ ไม่ได้ และเราก็อาจจะเห็นออโรร่าสวยๆ ในประเทศแถบขั้วโลกเท่านั้น ส่วนประเด็นที่ว่าฝุ่นและขยะอวกาศจะมาบดบังโลกให้อยู่ในความมืดสนิท ก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน เพราะการที่ขยะอวกาศจะสามารถบดบังโลกให้อยู่ในความมืดสนิทได้นั้น เราจะต้องมีขยะอวกาศมากกว่าดาวเทียมที่มีอยู่ทั้งหมดนี้หลายเท่า และถ้าเป็นเช่นนั้น ดาวเทียมเราทุกดวงคงร่วงไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามฝุ่นสามารถบดบังแสงอาทิตย์ได้ก็จริง แต่สามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะในชั้นบรรยากาศ เช่น กรณีที่ภูเขาไฟลูกใหญ่ หรือ อุกกาบาตขนาดมหึมา ทำให้ฝุ่นกระจายไปในชั้นบรรยากาศ ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์สูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ แต่แม้กระนั้นก็ไม่ได้อยู่ในความมืดสนิทอย่างที่กล่าวอ้างในข่าวแต่อย่างใด “
ด้าน ดร.อานนท์ กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายกังวลพายุสุริยะจะส่งผลกระทบต่อดาวเทียม ว่า “พายุสุริยะอาจส่งผลต่อดาวเทียมที่โคจรในอวกาศได้มากกว่าพื้นผิวโลก โดยดาวเทียมที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ คือดาวเทียมไทยโชตนั้นถูกออกแบบให้ป้องกันผลจากรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าได้ในระดับหนึ่ง และสทอภ.เองก็มีมาตรการป้องกันและแก้ไขกรณีดาวเทียมถูกรบกวนเพื่อให้สามารถกลับมาปฏิบัติภารกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ดาวเทียมไทยโชตถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในปี 2551 ก็ได้ผ่านเหตุการณ์พายุสุริยะที่มีความรุนแรงสูงมาแล้วหลายครั้ง เช่นการเกิด Solar Flare ที่มีความรุนแรงสูงมากในระดับ x4.9 ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 และในระดับ X3.1 แต่อย่างไรก็ตามยังไม่พบความผิดปกติในส่วนของดาวเทียมไทยโชต ที่เกิดจากพายุสุริยะเหล่านี้ ซึ่งทาง สทอภ.ได้มีการประสานงานและรับข้อมูลต่าง ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด”