ประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 26 ล้านคน คิดเป็น 37% ของประชากรในประเทศ และอยู่ในอันดับ 4 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในแถบ AEC โดยอันดับ 1 นั้นคือบรูไนที่มีประชากรใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 78% และสิงคโปร์ 75 % มาเลเซีย 61% ซึ่งตัวเลขการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยนี้ยังสามารถเติบโตได้อีก แล้วเราจะนำเทคโนโลยีที่อยู่ในมือนี้มาสร้างโอกาส พัฒนาต่อยอดในด้านต่างๆได้อย่างไร?
ในงาน Bigtent Thailand โดย Google ที่ผ่านมา ได้มีการเสวนากันในหัวข้อ “Why not Thailand : เหตุใดไม่ใช่ประเทศไทย” โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา อาทิ คุณเอริค ชมิดท์ ประธาน Google , คุณอามิท ซูด ผู้อำนวยการ Google Cultural Institute เป็นต้น ซึ่งสิ่งสำคัญที่ในงานนี้ได้พูดถึงคือ “อินเทอร์เน็ต”
8 ใน 10 ของคนไทยนั้นจะเลือกซื้อ เลือกค้นหาสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต แต่ตัวเลขของผู้ประกอบการที่มีเว็บไซต์มีเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น การที่ผู้ประกอบจะรายได้จากการนำสินค้าที่อยู่หน้าร้านมาขายออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญ อย่างโครงการธุรกิจ Go Online ของ Google ที่ร่วมกับพันธมิตร ก็เป็นหนึ่งโครงการดีๆที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กให้ตัวตนออนไลน์และประสบความสำเร็จในการนำออนไลน์มาเสร้างการทำธุรกิจ โดยจะมีเครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์แบบง่ายๆ การโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ไปจนถึงการวิเคราะห์และวัดผล ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 120,000 ธุรกิจไทยที่ได้ Go Online แล้ว
เมื่อถามว่าเราสามารถใช้อินเทอร์สร้างความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร สื่อง่ายๆแต่ทรงพลังอย่าง Youtube ที่ให้เราโพสและดูวีดีโอได้ฟรีนั้น เราสามารถนำมาใช้สร้างสรรค์สิ่งที่เราโพสให้มีทั้งประโยชน์และมูลค่าได้เพียงแค่คิด ทำ และอัพโหลด เช่น การขยายการเรียนรู้ อย่าง Orm School ที่เป็นการรวมตัวของเด็กไทยที่อยากแบ่งปันความรู้ให้เด็กไทยด้วยกัน โดยเปิดคลิปการสอน ติววิชาต่างๆเพื่อให้เรียนออนไลน์กันได้ฟรี อีกทั้ง Youtube ยังเป็นช่องทางให้คนธรรมดาได้มาเป็น Public Figure โดยมีต้นทุนถูกที่สุด ยกตัวอย่างเช่น Room 39 หรือ Justin Bieber ที่โพสคลิปแสดงความสามารถทางด้านดนตรีจนโด่งดัง รวมทั้งเรายังสามารถสร้างสรรค์ รายการทีวีออนไลน์ โดยมีต้นทุนต่ำกว่ารายการทีวีทั่วไป มีอิสระด้านเนื้อหามากกว่า รับรู้ฟีดแบ็คจากผู้ชมได้โดยตรง และในปัจจุบันก็มีโปรแกรมที่สามารถพูดคุยเห็นหน้ากันได้ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง Google Hangout ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นห้องเรียนแห่งอนาคต ให้นักเรียนและครูได้สอนและถามคำถามโต้ตอบกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก
ในด้านวัฒนธรรมนั้น อินเทอร์เน็ตยังเป็นพลังให้เราส่งออกวัฒนธรรมไทยไปทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย งานหัตถกรรมประเพณี ดนตรี สถานที่เที่ยวต่างๆ อย่างเช่น #ThailandOnly โครงการที่สนับสนุนให้คนไทยได้สร้างเนื้อหาของความเป็นไทย ร่วมแชร์ผ่าน Google+ ที่ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างกิจกรรมที่น่าสนใจ ชวนให้คนไทยมาสร้างอัลบั้มภาพออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดสถิติโดย Guinness World Records และ Google ยังได้นำเสนอ Cultural Institute
พิพิธภัณฑ์ที่ถูกจับมาอยู่บน internet ให้เราสามารถชมภาพศิลปะผ่านอุปกรณ์ของเรา โดยเราสามารถหยิบภาพศิลปะที่อยากดู ซูมลึกลงไปเห็นเส้นวาด สีที่ใช้ในการวาด นอกจากนี้ยังจัดแสดงสถานที่ที่เป็นมรดกโลกทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ทางออนไลน์ โดยใช้สตรีทวิว และการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ เราสามารถเข้าชมพระราชวังแวร์ซายส์ กดดูได้แบบ 360 องศา หรือเดินลึกเข้าไปได้เพียงแค่ขยับเมาส์ เพียงคลิกเข้าไปดูที่ www.google.com/culturalinstitute
นอกจากนี้คุณเอริค ชมิดท์ประธานของ Google ยังได้กล่าวภายในงานเสวนาว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสสูงที่จะเติบโตในด้านไอที เพราะในตอนนี้ก็มี 3G ให้ใช้กันแล้ว รวมทั้งในอนาคตก็กำลังจะมี 4G ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตเป็นพลังสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อน และสามารถสร้างสรรค์โอกาสในด้านต่างๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งนอกจากเราจะมีอุปกรณ์ที่พร้อมแล้วผู้ใช้เองก็ต้องมีความพร้อมที่จะใช้อินเทอร์เน็ตให้มีประสิทธิภาพและให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งก็อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้อย่างไร