เยี่ยมชม Samsung d’light ตอนที่ 1
เยี่ยมชม Samsung d’light ตอนที่ 2
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา รายการ iT24Hrs ครอบครัวข่าว 3 ที่ได้ร่วมกับสำนักงาน กสทช. , Samsung , AIS, DTAC, TrueMove H ได้พาผู้โชคดีจากกิจกรรม “เปิดโลกไอทีพลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า ครั้งที่ 2 Gear Up to 4G ” ลัดฟ้าถึงสาธารณรัฐเกาหลีใต้ เพื่อชมทัศนศึกษาด้านเทคโนโลยีถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัท ซัมซุง อิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตอุตสาหกรรมไอทีรายใหญ่ของโลกด้วย
Samsung d’ligth ตั้งอยู่ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของ Samsung Electronics เกาหลีใต้ อยู่ตรงถนน Seocho-dong ในกรุงโซล ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน (เส้นทางสาย2) สถานี Gangnam ทางออกที่ 8
ซัมซุง ไม่ได้ผลิตแค่โทรศัพท์ ทีวี หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเท่านั้น ในเกาหลีใต้ก็มีแบรนด์ซัมซุงเต็มไปหมดเช่น ที่โกนหนวด อพาธเม้นท์ โรงแรม ประกันชีวิต รถยนต์ซัมซุงก็มี ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้ประวัติของบริษัทระดับโลกนี้กันด้วย โดยในปี 1938 บริษัทซัมซุงนั้นเริ่มต้นโดย Lee Byung-chul ด้วยเงิน 30000 วอน กับธุรกิจโรงงานทำน้ำตาล และการส่งออกสินค้า ผัก ผลไม้ ปลาแห้งเกาหลีเป็นหลัก แต่ในช่วงสงครามเกาหลี ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง จนกระทั่งในปี 1945 ซัมซุงก็ได้เริ่มต้นทำธุรกิจโรงงานทอผ้า และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากนั้นจึงมีการทำธุรกิจอื่นๆตามมา โดยในปี 1969 มีการก่อตั้งซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งซัมซุงได้เริ่มต้นผลิตทีวีจอขาวทำ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเช่นตู้เย็น เครื่องซักผ้า หลักจากนั้นในปี 1974 ก็เริ่มสร้างโรงงานทำเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งซัมซุงได้กลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในตลาดภายในประเทศเกาหลีและได้เริ่มทำการส่งออกผลิตภัณฑ์เป็นครั้งแรกในช่วงเวลานี้ โดยซัมซุงถือส่วนแบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ของตลาดเซมิคอนดัคเตอร์ในเกาหลี
ปี 1993 คือปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ Samsung เมื่อประธานบริษัท Lee Kun-Hee ต้องการให้ Samsung กลายมาเป็นบริษัทระดับโลก โดยการเน้นด้านคุณภาพของสินค้าของซัมซุง ของที่ไม่ดีห้ามตกถึงมือผู้บริโภค ซึ่งการขึ้นเงินเดือนหรือปรับตำแหน่งงานของพนักงานจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของงานที่ออกมา อีกทั้งยังมีการลงทุนในการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับตัวเองให้กลายมาเป็นบริษัทระดับโลก นอกจากนี้ยังมีการเขาคัดเลือกคนพนักงานในบริษัทจำนวน 4,700 คน ที่เขาเรียกว่าเป็น “Regional specialist” ไปอยู่ในประเทศต่างๆ ทั้งหมด 80 ประเทศ เป็นเวลา 12 เดือน โดยหน้าที่ของพวกเขาคือการใช้ชีวิตกับคนท้องถิ่นในประเทศนั้นๆ เพื่อซึมซับวิถีชีวิตของคนในแต่ละประเทศ ไปเข้าใจวิธีคิดของผู้คน เรียนรู้พฤติกรรมของคนในแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน ไปพบปะผู้คนเพื่อสร้าง Connection แล้วทำรายงานส่งกลับไปที่สำนักงานใหญ่ที่เกาหลี จากนั้น ซัมซุงก็ตะลุยตลาด ภายในเวลาเพียงสิบปี ซัมซุงกลายเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังมากที่สุดในตลาดโลก ในปี 2012 แบรนด์ซัมซุง เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 9 ของโลกจากการจัดอันดับของบริษัท
และที่ Samsung D’ Light นี้ ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ๆเราจะได้มาเห็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมของซัมซุง ผ่านทางโซนแสดง Digital Playground ต่างๆ มากถึง 21 โซน ในชั้นที่ 1-2
เมื่อเข้ามายังภายในชั้นแรก เราจะพบกับเวที Virtual D’light Stage ท่ามกลางเพื้นที่มีแสงไฟ แสดงข้อความเต็มไปหมด ทั้งภาษาอังกฤษและถาษาเกาหลี และมีจุดเซนเซอร์ให้ยืนด้วย
เมื่อไปยืนบนจุดที่เซ็นเซอร์ทำงาน บนจอก็จะแสดงลูกเล่นที่หลากหลาย ให้เรามีส่วนร่วม Interactive กับจอ ให้คุณเป็น Dancer , Movie Star เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีแสดงอุปกรณ์ต่างๆของซัมซุงอื่นๆ เช่น ทีวี กล้อง โทรศัพท์มือถือ ฮาร์ดดิสก์หน่วยความจำ Solid state , ปริ้นเตอร์ , เทคโนโลยี All Share เป็นต้น
โดยเฉพาะมุมถ่ายรูปใน d’studio นี้ เป็นหน้าจอแบบ จอภาพโปร่งแสงที่สามารถมองทะลุได้ด้วย สามารถทัชสกรีนถ่ายรูปแล้วใส่อีเมลเพื่อให้ทาง Samsung d’light ส่งรูปถ่ายทางอีเมลให้ด้วย เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า TLED โดยคุณสมบัติคือ มองทะลุได้ และประหยัดพลังงานกว่าจอ LED ปกติด้วย
นอกจากนี้ยังมีมือถือ Samsung Galaxy Note 3 ที่รองรับเครือข่าย LTE-A มาโชว์ด้วย จากข้อมูลที่ทราบ รุ่นแรกสุดที่รองรับ LTE-A จากแบรนด์ซัมซุงคือ Samsung Galaxy S4 LTE-A ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุดที่รองรับ LTE-A ด้วยคือ Samsung Galaxy Round
คราวนี้มาในส่วนของชั้น 2 จะแสดงโซน โซน LED Lighting Drums ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจอภาพ ที่อยู่ภายในจอโทรทัศน์ยุคปัจจุบัน ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่จะนิยมทีวีแบบ LED TV แล้ว
โซนถัดมาคือ Smart Electricity ซึ่งเป็นการจำลองบ้านที่เราสามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดได้ผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เมื่อทุกอย่างเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต โดยแอพพลิเคชั่นที่ว่านี้ชื่อว่า Smart Home Control เราสามารถจดโน้ตรายการที่ต้องซื้อไว้ที่หน้าจอบนตู้เย็น และอ่านโน้ตนั้นผ่านสมาร์ทโฟน เมื่อไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ หรือสั่งให้เครื่องซักผ้าทำงานผ่านสมาร์ทโฟนได้เป็นต้น
นอกจากนี้ในโซนนี้ยังมีการโชว์โต๊ะที่สามารถชาร์ตอุปกรณ์ไฟฟ้าได้เพียงนำมาอุปกรณ์มาวางด้านบน โดยไม่ต้องใช้สายชาร์ตใดๆเลย ซึ่งอุปกรณ์นี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
โซน Smart Electricity พูดง่ายๆคือเทคโนโลยี Smart Home ที่สามารถควบคุมการเปิดปิดไป หรือเพิ่มลดเสียง เปิดปิดแอร์ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือนั่นเอง รวมไปถึงการสัมผัสระบบเสียงรอบทิศทางที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนคุณกำลังยืนอยู่ท่ามกลางในสถานที่จริง
อีกโซนนึงคือ Education หรือห้องที่จำลองการเรียนโดยใช้แท็บเล็ต คุณครูผู้สอนสามารถควบคุมการสอนผ่านทางแท็บเล็ต ซึ่งในแท็บเล็ตจะมีหลากหลายเมนู ทั้งสามารถดูรายชื่อนักเรียนในห้องได้ทั้งหมด นำนักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยครูสามารถเขียนลงบนแท็บเล็ตแทนการใช้กระดานดำ ซึ่งสิ่งที่ครูเขียนก็จะปรากฏบนแท็บเล็ตของนักเรียนและจอด้านหน้าห้องเรียนด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเข้าสู่แบบฝึกหัดทำการทดสอบวัดผลได้ทันที ซึ่งนักเรียนจะทำการตอบคำถามผ่านทางแท็บเล็ต ครูสามารถดูคำตอบที่นักเรียนตอบ และประเมินผลความเข้าใจของนักเรียนในห้องทั้งหมดออกมาได้ ซึ่งห้องเรียนแบบนี้มีการใช้งานจริงแล้วกับนักเรียนระดับประถมศึกษา 31 โรงเรีนในเกาหลีและในอีก 27 ประเทศ โดยในแต่ละห้องสามารถเรียนได้สูงสุด 40 คน ซึ่งซัมซุงได้เป็นผู้สนับสนุนให้ทั้งในด้าน Hardware และ Software
อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต คือการพัฒนาซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นที่สอดคล้องกับการเรียนการศึกษา และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ ในการทำงาน
ส่วนโซนนี้ จะเป็นโทรทัศน์ที่สามารถให้คุณรับชมรายการทีวีต่างช่องได้พร้อมกัน 2 คน ในทีวีตัวเดียว อย่างเช่นฝ่ายชายดูฟุตบอล ฝ่ายหญิงดูละคร ในช่วงเวลาเดียวกัน ตามปกติแล้วการที่ชอบดูต่างกันนี้จะต้องถึงขั้นแย่งรีโมท Switch เปลี่ยนช่องไปมา หรือไม่ก็ซื้อทีวีอีกเครื่องเพื่อแบ่งต่างคนต่างดูรายการที่ชื่นชอบ แต่ทีวีที่โชว์นี้ แม้ทั้ง 2 คนจะดูคนละช่อง แต่สามารถชมได้ผ่านทางทีวีตัวนี้ตัวเดียวในเวลาเดียวกันได้ โดยชมผ่านอุปกรณ์แว่นตา ที่เมื่อกดปุ่มก็จะแสดงภาพช่อง 1 ช่อง พร้อมเสียงออกมาจากแว่นให้รับชมด้วย ซึ่งตอนนี้ทีวีรุ่นนี้ก็มีวางจำหน่ายในเกาหลีแล้ว
ในส่วนของชั้นใต้ดิน (b1) ก็จะเป็นโซนร้านค้า Samsung d’light Shop จัดรูปแบบร้านขายสินค้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับซัมซุงทั้งหมด ดูคล้ายๆกับ ร้านค้า Apple Store หรือ Microsoft Store แต่มีสินค้าที่ระลึกขายด้วย เช่นเสื้อ เครื่องเขียน กรอบรูป ปฏิทิน สมุดโน๊ตที่เกี่ยวกับ Samsung รวมถึงภาพอาคาร Samsung Electronic ก็มีจำหน่ายด้วย นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมต่างๆที่ยังไม่มีจำหน่ายในไทย ให้ได้ Shopping กันด้วย ซึ่งจากที่ทีมงานไอที24ชั่วโมง ได้สอบถามพนักงานซัมซุงประจำ d’light shop นี้ ได้ให้ข้อมูลว่า สามารถซื้ออุปกรณ์เสริมต่างๆเหล่านี้มาใช้ในประเทศไทยได้ ยกเว้น พวกโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และกล้องทุกรุ่นที่รองรับใส่ซิม เพราะไม่สามารถใช้กับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในไทยได้ โดยผู้ที่ซื้อใน Shop นี้เกิน 30000 วอน สามารถขอรับการคืนเงินภาษีในช่วงเดินทางกลับไทยได้ด้วย เพียงแค่แสดง Passport ให้พนักงาน Samsung ออกบิลใบรับเงินคืนภาษี ซึ่งใบนี้สามารถไปรับเงินคืนได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ อินชอน
แล้วทั้งหมดนี้คือเทคโนโลยีที่แสดงภายใน Samsung D’ light ซึ่งแสดงภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของ Samsung Electronics ประเทศเกาหลีใต้ หากใครสนใจเข้าชมนี้ สามารถชมได้ฟรีทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ (และยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ของประเทศเกาหลีใต้ ) เวลา 10.00-19.00น. ตามเวลาเกาหลีใต้ ซึ่งสถานที่นี้จะเห็นเด็กนักเรียนวัยรุ่นชาวเกาหลีมาลองเล่นเกม หรือลองชมเทคโนโลยีต่างๆภายใน Samsung d’ligth อย่างตื่นเต้นและสนุกสนานมากๆเลยทีเดียว
*** ขอขอบคุณ สำนักงาน กสทช., Samsung, AIS, DTAC, TrueMoveH ที่ทำให้กิจกรรมเปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า ครั้งที่ 2 Gear up to 4G และการเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นได้ ***