จากข่าวที่ว่า บัตรเติมเงินมือถือจะไม่มีวันหมดอายุ และค่าโทรจะไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์ ผู้ใช้หลายคนก็สงสัยและค้างคาใจ ล่าสุดทางกทค.มีมติออกมาเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา
หากดูตาม ข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 แล้ว ทุกค่ายมือถือจะไม่สามารถกำหนดวันหมดอายุของ
การเติมเงินได้ แต่เพื่อให้ประกาศดังกล่าวมีความยืดหยุ่นขึ้นและในข้อ 11 นี้เอง ก็กำหนดข้อยกเว้นไว้ว่าผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอต่อกสทช.ขอความเห็นชอบในการกำหนดวันหมดอายุได้
ซ่ึงจากทางปฎิบัติและจากการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบที่ผ่านมา การไม่กำหนดวันหมดอายุเลยจะทำให้เกิดปัญหาในทางปฎิบัติและทำให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้ซ่ึงส่งผลเสียต่อผู้บริโภค
กสทช.โดย กทค. จึงต้องการให้ประกาศฯนี้มีผลบังคับอย่างแท้จริงและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ได้มีการเจรจาหาข้อตกลงระหว่างค่ายมือถือและ กสทช กันมาเป็นเวลานาน จนนำไปสู่เงื่อนไขมาตรฐานขั้นต่ำที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ต่อมาค่ายมือถือมีคำขอภายใต้ข้อยกเว้นของกฎหมายนี้โดยให้เหตุผลว่า การทำให้โทรศัพท์เติมเงินไม่มีวันหมดอายุเลยนั้น หากโทรศัพท์หมายเลขนั้นๆไม่มีการใช้งานและถูกทิ้งอยู่เฉยๆ ผู้ให้บริการก็จำเป็นจะต้องจ่ายค่ารักษาเบอร์ให้กับ กสทช ต่อไปอยู่ดี และจากข้อมูลก็พบว่าเลขหมายที่จัดสรร 118ล้านเลขหมาย กลับมีผู้ใช้งานจริงเพียง83 ล้านเลขหมาย ซึ่งเลขหมายจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกใช้งาน น่าจะถูกนำกลับคืนมาเข้าสู่ระบบเพื่อนำไปจัดสรรใช้ประโยชน์ต่อไป
จนนำมาสู่ มติ กทค. (ในการประชุมสัญจรที่จังหวัดเชียงราย ) กรณีเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาการใช้บริการของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลักษณะที่เรียกเก็บค่าบริการเป็นการล่วงหน้านี้ หรือ prepaid หรือที่เราเรียกกันว่าแบบเติมเงิน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556) โดยได้มีการกำหนดเงื่อนไขเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคใจความสำคัญได้ว่า
การเติมเงินสำหรับโทรศัพท์ prepaid ทุกมูลค่า จะต้องได้วันไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยการเติมเงินทุกครั้ง ให้นับระยะเวลาการใช้งานที่ได้รับ รวมกับระยะเวลาที่คงเหลืออยู่ โดยระยะเวลาการสะสมวันสูงสุดอย่างน้อย 365 วัน เท่ากับว่าจะไม่มีเงื่อนไขเติมเงินน้อยได้วันน้อยดังแต่ก่อน….ไม่ว่าจะเติมเงินเท่าไร ก็ตามก็จะต้องได้รับการประกันว่าบัตรจะใช้ได้อย่างน้อย 30 วัน และสะสมได้อย่างน้อย 365 วัน ซ่ึงผู้ประกอบการบางรายอาจกำหนดจำนวนวันมากกว่านี้ก็ได้
และเมื่อเติมเงินเข้าไปแล้ว ยอดเงินที่ยังคงค้างอยู่ก็จะไม่หายไป แต่จะถูกนำมารวมกับยอดเงินใหม่ที่เติมเข้าไปด้วยเช่นกัน มตินี้ ใช้กับทุกค่ายมือถือ
ด้านผู้ประกอบการแม้จะไม่ค่อยจะพอใจต่อเงื่อนไขที่กสทช.กำหนดนี้เท่าไรนัก แต่ก็ถูกกดดันและเห็นว่าเงื่อนไขนี้มีความยืดหยุ่นมากข้ึนและอยู่ในระดับที่ไม่เกิดภาระมากเกินไป จึงจำต้องยอมรับในเงื่อนไขของกสทช.นี้
ขณะนี้บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้ดำเนินการตามที่ได้แจ้งไว้ ดังนั้น จึงถือว่าบริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครองของเลขาธิการ กสทช. แล้ว จึงทำให้เสียค่าปรับวันละ หนึ่งแสนบาทนับจากวันที่ 30 พค 55 จนถึง วันที่ 18 มกราคม 2556 เท่านั้น ส่วนค่ายอื่นๆ พบว่ายังไม่สามารถดำเนินการตามมติ กทค ดังกล่าวนี้ได้ การปรับวันละหนึ่งแสนบาท นับตั้งแต่วันที่ 30 พค 55 จึงยังไม่หยุดและจะสะสมนับรวมอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ มติ กทค เมื่อ 29 มกราคม ดังกล่าวนี้ พิจารณาเฉพาะการกำหนดวันหมดอายุบริการโทรศัพท์ในระบบเติมเงิน(พรีเพด) ส่วนเรื่องค่าโทรนาทีละ 99 สต. และการบังคับให้ใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลักในการลงทะเบียนการใข้ซิมพรีเพด ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ซึ่งหากมีมติใดๆออกมา และแต่ละค่ายไม่สามารถปฎิบัติตามได้ ก็จะมีการปรับเพิ่มเติมจากกรณีวันหมดอายุระบบเติมเงินอีกด้วย
สำหรับประชาชนท่านใดที่พบเห็นค่ายมือถือยังเติมเงินแล้ว ได้วันน้อยกว่า 30 วัน สามรถแจ้งได้ที่หมายเลข 1200 call center สำนักงาน กสทช.