กสทช. เอาจริง สั่ง TRUE MOVE และ DPC ส่ง SMS แจ้งข้อมูลการสิ้นสุดสัมปทานให้ผู้ใช้คลื่น 1800 หากลูกค้าโทรเข้า Call Center ถามข้อมูลเกี่ยวกับการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานและสิทธิของผู้ใช้บริการห้ามคิดเงินเด็ดขาด
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการระบบ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ เมื่อสัมปทานจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายนนี้ จึงได้มีหนังสือแจ้งไปยังบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT) บริษัท ทรู มูฟ จำกัด (TRUE MOVE) และบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด (DPC) ให้ดำเนินการส่งข้อความสั้น (SMS) และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออื่น ถึงผู้ใช้บริการเพื่อแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระยะเวลาการสิ้นสุดการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz ในทันทีโดยส่งข้อความสั้น (SMS) 2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้ “กสทช. ขอแจ้งว่าเลขหมายท่านอยู่ในสัมปทานคลื่น 1800 MHz ที่จะสิ้นสุดลง 15 กันยายน นี้ ท่านจะยังคงใช้บริการได้ภายในไม่เกิน 1 ปี หากประสงค์จะโอนย้ายเลขหมายไปยังเครือข่ายอื่น กรุณาติดต่อผู้ให้บริการรายใหม่ สอบถามโทร 1200 (ฟรี)” และ“กสทช. คุ้มครองสิทธิเลขหมายนี้ สามารถใช้ได้ต่อเนื่องถึงไม่เกิน 15 ก.ย.57 กรุณาโอนย้ายเลขหมายท่านไปยังผู้ให้บริการรายอื่น สอบถามโทร. 1200 ฟรี”
ในกรณีที่ผู้ใช้โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับศูนย์บริการตอบรับข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call Center) ของผู้ให้บริการ ห้ามไม่ให้คิดค่าบริการโดยเด็ดขาดและให้รายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานฯ ทราบด้วย
ด้านนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) ภารกิจโทรคมนาคม กล่าวว่า จากกรณีที่มีผู้ให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนว่า การที่ กสทช. จะขยายเวลาให้เอกชนมีสิทธิใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ออกไปอีก 1 ปี เพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการให้มีเวลาพียงพอในการตัดสินใจย้ายผู้ให้บริการตามความต้องการ สร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนเบื้องต้นเป็นมูลค่า 1.6 แสนล้านบาทหากไม่สามารถเปิดประมูลได้ในปีนี้ โดยอ้างว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นไปตามผลการวิจัยของสถาบันอนาคตประเทศไทยที่เคยประเมินความเสียหายจากความล่าช้าในการประมูลใบอนุญาตให้บริการ 3G คลื่น 2.1 GHz รวมถึงตัวอย่างผลการศึกษาของประเทศอังกฤษที่ประมูลคลื่น 3G ล่าช้าเช่นเดียวกัน และทำให้ประเทศต้องเสียโอกาสทางธุรกิจประมาณ 1.4 แสนล้านบาท นั้น…..ขอชี้แจงว่า ตัวเลขความเสียหายที่อ้างอิงเป็นสมมติฐาน ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถนำการคำนวณค่าเสียหายจากความล่าช้ากรณีการประมูล 3G คลื่นความถี่ 2.1 GHz มาเทียบเคียงกับการประมูลคลื่น 1800 MHz ได้ เนื่องจากลักษณะของคลื่นความถี่ 2.1 GHz และ 1800 MHz มีความแตกต่างกันและสถานการณ์การใช้งานคลื่นความถี่ก็มีความแตกต่างกันกล่าวคือ คลื่น 2.1 GHz เป็นคลื่นว่างที่ไม่มีการใช้งาน แต่คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz เป็นคลื่นที่ยังมีการใช้งานอยู่ ในช่วงระยะเวลาการเยียวยารายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำส่งรัฐเป็นรายได้แผ่นดิน รัฐจึงยังได้รับประโยชน์จากการใช้งานคลื่นความถี่อยู่ซึ่งประมาณการว่ามากกว่ารายได้ที่ได้จากสัมปทาน
นายก่อกิจ กล่าวว่า สิ่งที่ควรคำนึงในกรณีของคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่อายุสัญญาสัมปทานกำลังจะสิ้นสุดลง คือ การดำเนินการที่ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ตามหลักปฏิบัติทางสากลและที่หลายประเทศดำเนินการกัน คือ ต้องสอบถามผู้ที่ใช้งานความถี่นั้นๆ ว่าจะดำเนินการต่อได้เลยหรือไม่ และจะจัดสรรคลื่นความถี่อย่างไร สำหรับประเทศไทย พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กำหนดให้ใช้วิธีการประมูลเท่านั้นในการจัดสรรคลื่นความถี่ เท่ากับว่า การดำเนินการและการปฏิบัติหลายเรื่องตามที่หลายประเทศปฏิบัติกัน เราดำเนินการไม่ได้เลย พร้อมเห็นว่า การเร่งรัดการประมูลโดยละเลยปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง อาจจะทำให้ประเทศชาติเสียหายยิ่งกว่า เนื่องจากประชาชนผู้ใช้บริการไม่สามารถใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี