กสทช. หารือร่วม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) หาทางออก 4 ประเด็นหลัก เบื้องต้นเห็นพ้องมาตรการเยียวยาคุ้มครองผู้บริโภค 1800 MHz ที่จะมีผลตั้งแต่ 16 ก.ย. 56 ไปอีกไมเกิน 1 ปี
น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ไอซีที กล่าวว่า ผลการหารือ ได้ความชัดเจนในประเด็นต่างๆ และพบว่าทั้ง กสทช. และกระทรวง ไอซีที มีความเห็นตรงกันในการดำเนินการกรณีการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz คือ ผู้ใช้บริการในระบบจะต้องไม่ได้รับผลกระทบ จะไม่มีเรื่องซิมดับเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ซึ่ง กสทช. ได้ชี้แจงเรื่องการออกมาตรการเยียวยารองรับ เภายหลังหมดสัญญาสัมปทานคลื่น 1800 MHz ได้ชัดเจนแล้ว
ทางด้าน นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า กสทช. ได้ให้ชี้แจงประเด็นหลักๆ รวมถึงตัวประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. …. ซึ่งใช้ในการเยียวผู้ใช้บริการในระบบ 1800 MHz ในครั้งนี้ ในเรื่องของฐานอำนาจของ กสทช. ตามกฎหมาย ได้แก่ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 27 และพ.ร.บ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มาตรา 20 และมาตรา 25 และได้ชี้แจงถึงประเด็นคำนิยาม ผู้ให้บริการ ว่าจะหมายถึงทั้ง ผู้ให้สัมปทานและผู้รับสัมปทาน ส่วนรายได้ขณะดำเนินการในช่วงมาตรการเยียวยา เมื่อหักต้นทุนค่าเช่าโครงข่ายและต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของผู้ให้บริการก็จะนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินทั้งหมด
ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานพิจารณารายได้และรายจ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างมาตรการเยียวยา ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ผู้แทนจากกระทรวง ไอซีที ผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชี และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ มาเป็นผู้พิจารณา และได้ชี้แจงชัดเจนว่า ไม่ใช่เป็นการให้ใบอนุญาตใหม่แต่อย่างใด เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคชั่วคราวเท่านั้น
ส่วนการดำเนินการตามมาตรการเยียวยา ผู้ให้บริการคลื่น 1800 ที่จะหมดสัมปทาน จะต้องส่งแผนคุ้มครองให้ กสทช. พิจารณาภายใน 15 วันหลังประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุสัมปทานคลื่น 1800 .ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตัวแผนจะครอบคลุม 4 ส่วนหลักคือ 1. ข้อมูลการให้บริการ เช่น ข้อมูลผู้ใช้บริการ จำนวนคงค้างในระบบ 2. แผนงานประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 3. แผนงานส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เลือกปฏิบัติ และเป็นไปอย่างทั่วถึง 4. ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ และภาระที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องรักษาคุณภาพมาตรฐานในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการลดลงตลอดเวลา
พ.อ. ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค. กล่าวว่า กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลจะต้องบริหารคลื่นความถี่ จะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันโดยเร็ว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ในการปรับปรุงคลื่นความถี่ และดูความเป็นไปได้ให้ประโยชน์แก่ประชาชน ส่วนเรื่องการหมดสัญญาสัมปทาน กสทช.ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องนำคลื่นความถี่ที่หมดอายุสัมปทานกลับมาที่ กสทช. เพื่อจัดสรรในเวลาที่เหมาะสมตามกระบวนการต่อไป ส่วนคลื่นความถี่ที่ยังไม่หมดสัญญาสัมปทาน จะต้องพิจารณาว่าจะสามารถปรับปรุงคลื่นความถี่ได้หรือไม่ โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามข้อกฎหมายด้วย