กสทช.ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ชี้แจงประชาชน กรณี CAT ฟ้องศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศอินฟราสตรัคเจอร์แชร์ริ่ง ติงเรื่องนี้อยู่ในชั้นศาลควรให้ความเคารพ ย้ำประกาศฯไม่ขัดกฎหมายแต่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการมือถืออย่างทั่วถึง เกิดประโยชน์ต่อการลงทุนและพัฒนาเครือข่าย เชื่อจะส่งผลดีผู้ใช้เกี่ยวกับค่าบริการด้วย
จากกรณีที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพิกถอนประกาศ เรื่องการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่พ.ศ. 2556 หรือที่เรียกกันว่า “ประกาศอินฟราสตรัคเจอร์แชร์ริ่ง”ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน นั้นและมีการให้ข้อมูลด้านเดียวอย่างต่อเนื่องว่าการทำหน้าที่ของ กสทช. ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงขัดต่อรัฐธรรมนูญในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลางจนทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก
ทางสำนักงาน กสทช. ขอชี้แจงและยืนยันว่า การออกประกาศ กสทช. ดังกล่าวได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯพ.ศ. 2553 และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ทุกประการ
ที่สำคัญมีแนวบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลปกครองชี้ขาดประเด็นข้อกฎหมายในกรณีที่คล้ายกันซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับประกาศฉบับนี้โดยที่ประกาศอินฟราสตรัคเจอร์แชร์ริ่งนี้ออกตาม มาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้รับใบอนุญาตสามารถนำโครงสร้างพื้นฐานที่มีสิทธิตามสัญญาเพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นใช้ร่วมกันอันเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมซึ่งเป็นไปตามมาตรา47 แห่งรัฐธรรมนูญประโยชน์ท้ายที่สุดจะตกอยู่กับผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ใช้บริการ หากผู้ฟ้องต้องการอ้างกฎหมายควรระบุข้อกฎหมายให้ครบถ้วนมิใช่อ้างเฉพาะส่วนที่เป็นคุณ เพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน กรณีประกาศอินฟราสตรัคเจอร์แชร์ริ่งก็เช่นกัน
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.และในฐานะประธาน กทค. กล่าวว่าประกาศฯนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพราะจะทำให้เกิดการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมลดการผูกขาด ช่วยลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ทำให้การขยายโครงข่ายโทรคมนาคมครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นทำให้ประชาชนทุกจังหวัดสามารถเข้าถึงบริการของผู้ให้บริการได้อย่างเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีเป็นการเพิ่มคุณภาพของการให้บริการแต่ลดต้นทุนลง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการในเรื่องค่าบริการลดผลกระทบด้านสภาพแวดล้อมและภูมิทัศน์เป็นต้น
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการ กสทช. ด้านกฎหมายกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการทั้ง 2 จี และ 3จีได้เดินหน้าในการให้บริการโทรคมนาคมโดยได้อาศัยกลไกของประกาศฯนี้ใช้โครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ร่วมกันไปแล้วทำให้มีผู้ใช้บริการอยู่ภายใต้บังคับของประกาศฯนี้เป็นจำนวนมากที่หากมีการเพิกถอนประกาศอินฟราสตรัคเจอร์แชร์ริ่งฉบับนี้นอกจากจะเป็นการขัดต่อมาตรา 25 ของพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคมแล้ว จะส่งผลให้โครงข่ายโทรคมนาคมที่มีอยู่เกิดปัญหาโครงข่ายไม่สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการจำนวนดังกล่าวได้ท้ายที่สุดผลกระทบย่อมเกิดขึ้นต่อผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่า 3 ล้านรายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
กสทช. มองว่าการใช้สิทธิฟ้องร้องตามกฎหมายเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับคดีนี้กำลังอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครองจึงน่าจะเหมาะสมมากกว่าถ้าปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของกระบวนการพิจารณาคดีและเคารพในการใช้ดุลพินิจของศาล
ที่มาก่อนการชี้แจงกรณี ประกาศอินฟราสตรัคเจอร์ แชร์ริ่ง ของ กสทช.
เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม หรือ CAT ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช. ต่อศาลปกครอง กรณีร่างประกาศ เรื่อง การใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกันสำหรับโครงข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ (อินฟราสตรัคเจอร์ แชร์ริ่ง) ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องแชร์โครงข่ายร่วมกัน ว่าเป็นการขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 305 คุ้มครองสิทธิประโยชน์ และทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับโอนจากเอกชนตามสัญญาสร้างโอนให้บริการ (บีทีโอ) จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาสัมปทาน แต่เมื่อมีการใช้ประกาศฯดังกล่าวแล้ว เอกชนผู้ให้บริการรายเดิมได้นำโครงข่ายไปให้ผู้อื่นเช่าใช้ตามประกาศที่ กสทช.กำหนดซึ่งไม่เป็นธรรมกับ กสท โทรคมนาคม ในฐานะ เจ้าของสัมปทาน และในฐานะเจ้าของสัมปทานควรจะมีสิทธิ์ในโครงข่ายและเป็นผู้กำหนดว่าจะแชร์โครงข่ายอย่างไร มากกว่าที่จะให้เอกชนซึ่งเป็นเพียงคู่สัมปทานดำเนินการด้วยตัวเอง ทั้งที่ กสท มีสิทธิ์ในโครงข่ายนั้นตามสัญญาทั้งนี้เอกชนทั้งสองรายยังไม่ยอมโอนเสาสถานีฐานรวมกันกว่า 1.2 หมื่นแห่ง มาให้ บมจ.กสท ตามสัญญาด้วย ส่งผลให้ขณะนี้แผนการตั้งบริษัทร่วมกันระหว่าง บมจ.กสท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการโครงข่ายต้องสะดุดไปด้วย