จากกรณีที่มีฟอร์เวิล์ดเมลล์ส่งต่อกัน โดยข้อความระบุว่าในวันที่ 27 สิงหาคม ตั้งแต่ปี 2548-2556 จะเห็นดาวอังคารส่องแสงชัดเจนที่สุดด้วยรูปทรงขนาดใหญ่ประดุจดังพระจันทร์เต็มดวง ข้อความดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนเกิดความตระหนก หวาดกลัวว่าจะเกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตหรือไม่?
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตรแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชี้แจงว่า ปรากฏการณ์ที่ดาวอังคารจะส่องสว่างเท่าดวงจันทร์ “ไม่มีทางเป็นไปได้” โดยจากการคำนวณระยะทางของดาวอังคารจากวิถีโคจรในวันที่ 27 สิงหาคม พบว่า ดาวอังคารจะมีระยะห่างจากโลก ประมาณ 345 ล้านกิโลเมตร ซึ่งนับว่าไกลมาก
“ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าดวงจันทร์ประมาณ 1 เท่า เพราะฉะนั้นที่ระยะทาง 345 ล้านกิโลเมตร นับว่ามีความสว่างน้อยมาก การที่ดาวอังคารมีความสว่างเท่ากับดวงจันทร์ นั่นหมายถึงดาวอังคารต้องเข้าใกล้โลกที่ระยะทาง 780,000 กิโลเมตร ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ตามปกติแล้วดาวอังคารจะโคจรเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 26 เดือนเป็นตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ โลก และดาวอังคารเรียงอยู่ในเส้นตรงเดีนยวกัน ดาวอังคารเคยเข้าใกล้โลกมาที่สุด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2546 ที่ระยะทาง 56 ล้านกิโลเมตร และครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2555 ที่ระยะทางประมาณ 100 ล้านกิโลเมตร แม้ว่าดาวอังคารจะมีโอกาสเข้าใกล้โลกมากที่สุด แต่ก็ไม่มีทางสว่างเท่าดวงจันทร์ได้ เพราะดวงจันทร์มีระยะห่างเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ดาวอังคารในช่วงที่เดินทางเข้าใกล้โลกมากที่สุด จะสว่างได้เทียบเท่ากับดาวพฤหัสบดีเท่านั้น” ดร.ศรัณย์ กล่าว
ดร.ศรัณย์ กล่าวย้ำเตือนว่า ในช่างนี้มีประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกียวกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ผ่านทาง Social Media ที่สามารถแพร่หลายไปในวงกว้างได้ภายในเสี้ยววินาที จึงอาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อ เกิดความตื่นตระหนกและเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ ทั้งนี้ก็ขอยืนยันว่าปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า และสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ จึงขอให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ อย่างมีสติ
ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NARIT )