เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 8 เข้าสู่ช่วงเช้ามืดวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ถึงคิวของ Apple จัดงานประชุมนักพัฒนาของแบรนด์ Apple ( WWDC 2015 ) ซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 26 แล้ว โดยการเปิดตัวภายในงาน WWDC ที่แน่ๆจะต้องมี iOS9 และ OS X รุ่นใหม่อย่างแน่นอน และงานนี้จะเน้นเปิดตัวเกี่ยวกับแอพและซอฟต์แวร์เป็นหลัก
สำหรับสิ่งที่เปิดตัวภายในงาน WWDC 2015 มีดังนี้คือ
OS X El Capitan
ซึ่งรุ่นนี้เน้นการแก้บั๊กหรือปรับปรุงประสิทธิภาพ หลายจุดให้ดีขึ้นจากรุ่นปัจจุบัน เน้น ประสบการณ์การใช้งาน (experience) และประสิทธิภาพ (performance) เช่น
ระบบค้นหา Spotlight ฉลาดยิ่งขึ้น
มีฟีเจอร์ Split-screen จัดหน้าต่างแบ่งหน้าจอได้ตามสะดวกและเพิ่มพื้นที่การทำงานด้วย
เพิ่มระบบ Gesture หรือการวาดนิ้วบน Trackpad ใหม่หลายรูปแบบคล้ายๆ กับ iOS เช่น Mail ที่สามารถ Swipe เพื่อลบอีเมลนั้น เหมือน iOS
ในส่วนของ Safari เพิ่มระบบ Pinned Tab ช่ “ปักหมุด” แท็บที่ต้องการเอาไว้ได้ และแท็บเหล่านี้จะไม่หายไป
ส่วนประสิทธิภาพของ OS X ใหม่ อย่าง El Capitan นั้น แอพสามารถเปิดเร็วขึ้น 1.4 เท่า, การสลับแอพไป-มาเร็วขึ้น 2 เท่า, เปิดอีเมลฉบับแรกเร็วขึ้น 2 เท่า และเปิด PDF ใน Preview เร็วขึ้น 4 เท่า
และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาเสริมทัพอีกคือ Metal for Mac ช่วยให้ OS X รองรับกราฟฟิคที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน 50% หรือก็ ทำงานร่วมกับ Adobe Premier Pro ได้เร็วขึ้นถึง 8 เท่า งานนี้คอเกมบน OS X จะได้เล่นเกมบน OS X รุ่นล่าสุดอย่างไหลลื่นกว่าเดิม
โดยกำหนดการณ์ของ OS X รุ่นใหม่นี้ แบ่งเป็น 3 ช่วงคือ
- Developer Beta เปิดให้นักพัฒนาทดสอบก่อน ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดทดลองแล้ววันนี้
- Public Beta และเปิดให้คนที่ลงทะเบียน Apple อยู่แล้วได้ทดสอบ กรกฎาคมนี้
- และเวอร์ชั่นจริงออกช่วงปลายปี 2016 นี้ ซึ่งต้องรอรายละเอียดต่อไป
iOS9 สำหรับมือถือและแท็บเล็ตจาก Apple
เปิดตัว Proactive Assistant บน Siri ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ Siri ฉลาดและรู้ใจคุณมากขึ้น เพราะขณะใช้นั้น Siri เรียนรู้พฤติกรรมการใช้ของเรา เช่น เมื่อเสียบหูฟัง หน้าจอเข้าสู่โหมดเปิดตัวเล่นเพลงที่หน้าจอล็อกทันที หรือ ถ้าเป็นหมายนัดทางอีเมล Siri ก็จะตั้งการนัดหมายใน Calendar ให้อัตโนมัติ ให้ด้วย ซึ่งก็มีฟีเจอร์ที่คล้ายๆกับ Google Now อยู่บ้าง แต่ก็ทำให้ siri ทำงานได้ตรงใจกับผู้ใช้งาน iOS มากขึ้น
ส่วน Apple Pay รองรับการเก็บบัตรเงินสดต่างๆ และบัตรประเภทสะสมแต้มได้ และขยายการบริการ Apple Pay จากเดิมมีแค่สหรัฐอเมริกา มาเริ่มให้บริการที่สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ 2 เริ่มเดือนกรกฎาคมนี้ และ มีการเปลี่ยนชื่อ Passbook เป็น Wallet ด้วย ดังนั้นใครใช้ Passbook อย่างงว่ามันหายไปไหน เพราะจะรวมอยู่ไว้ในส่วนของ Wallet แล้ว
และสำหรับ iPad จะรองรับ Multitasking ทำงานแบบหลายหน้าต่างในหน้าจอเดียวได้แล้วด้วย ปรับได้หลายแบบ ซึ่งจะใช้ได้บน iOS9 โดยรุ่นที่สามารถใช้ Multitasking นี้ได้ มีเพียง 4 รุ่น คือ iPad Air , iPad Air 2 , iPad Mini 2 , iPad Mini 3 ที่อัพเดตเป็น iOS9
สำหรับฝั่งของนักพัฒนาที่สำคัญคือ Swift ซึ่งเป็นภาษาสำหรับพัฒนาแอพบนแพลตฟอร์มของ Apple ได้ประกาศกลายเป็น Opensource (ซอฟต์แวร์เปิด) แล้ว โดยสมบูรณ์ ใครจะเอาไปใช้งานก็ได้ ไม่ต้องผ่าน Apple อีกต่อไป
และนี่คือรายชื่อ ที่ได้อัพสู่ iOS9 ได้ ซึ่งปรากฎว่า iPhone4S และ iPad2 ยังได้อัพเวอร์ชั่นใหม่ต่อไปได้อีก
มาถึง ฝั่ง Apple Watch เชื่อว่าหลายท่านยังไม่ทราบว่า OS ของนาฬิกาจาก Apple คืออะไรกันแน่ งานนี้ Apple ได้ประกาศชื่อระบบปฏิบัติการบนนาฬิกา Apple Watch อย่างเป็นทางการคือ Watch OS 2 ซึ่งเป็นร ระบบปฏิบัติการ ( OS ) รุ่นใหม่ พร้อมกับ demo ความสามารถใหม่ของ Watch OS 2 คร่าวเช่นเล่นวีดีโอได้
มีฟีเจอร์ Mail, Friend และ Digital Touch ในส่วนของผู้ใช้งาน และสามารถพูดโทรหาเพื่อนด้วย Facetime Audio บนนาฬิกา Apple Watch โดย watchOS 2 จะเปิดให้ผู้ใช้ Apple Watch อัพเดตช่วงประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคมนี้
และที่สร้างความฮือฮาส่งท้าย มีการประกาศ One More Thing นั่นหมายความว่าคือบริการใหม่ล่าสุดนั่นเอง โดยบริการที่ว่านี้คือ Apple Music บริการฟังเพลงออนไลน์ ที่ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกบริการเพลงทั้งหมด เป็นแหล่งรวบรวมเพลงและข้อมูลศิลปินที่ใหญ่ที่สุด เป็นระบบการฟังเพลง, ฟังวิทยุ รวมถึงการติดตามข่าวสารของศิลปินไว้ในบริการเดียว
ค่าบริการเพลงจาก Apple Music นั้น ราคา $9.99 ต่อเดือน และ 14.99 ต่อเดือนสำหรับแบบครอบครัว(รองรับสูงสุดถึง 6 คน ) เริ่มให้บริการบน iOS และ OS X 30 มิถุนายนนี้ และที่สำคัญคือ สำหรับผู้ใช้ PC ระบบปฏิบัติการ Windows และ ผู้ใช้อุปกรณ์ไอทีระบบปฏิบัติการ Android สามารถโหลดแอพ Apple Music ฟังเพลงได้เช่นกัน โดยทาง Apple จะปล่อยในช่วงปลายปีนี้
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เปิดตัวและฟีเจอร์ใหม่ ของแอพต่างๆบน iOS , OS X , watchOS ที่เปิดเผยในงาน WWDC ก่อนที่ทุกท่านจะได้ใช้เต็มรูปแบบ ในช่วงปลายปี 2015 นี้
ข้อมูลจาก The Verge