จากอดีตที่เราต้องเดินทางไปซื้อของภายในร้านค้า ถ้าหาสินค้าไม่เจอก็เสียเวลาเดินทางไปอีกร้านนึง แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่ต้องเดินทางเลย อยู่กับบ้านและทีทำงาน สามารถซื้อของได้ผ่านทางเว็บชอปปิ้งออนไลน์ ( shopping Online ) ได้แล้ว ด้วยความสะดวกและบริการนี้ส่งทั่วประเทศ ทำให้มีคนใช้บริการชอปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นอีกช่องทางที่เปิดโอกาสให้อาชญากรไซเบอร์เข้ามาโจมตีเพื่อจารกรรมข้อมูลผ่านการทำธุรกรรมออนไลน์ได้เช่นกัน
จากรายงานผลสำรวจภัยคุกคามปี 2555 โดยนอร์ตัน ไซแมนเทค พบว่า หนึ่งในสามของผู้บริโภคไม่ได้คาดคิดเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นกับตัวเอง และยิ่งกว่านั้น มีถึง 48 เปอร์เซ็นต์ที่ยอมรับว่า ไม่ได้ใช้เครื่องมือป้องกันหรือซอฟต์แวร์ที่รัดกุมใดๆที่สามารถช่วยปกป้องพวกเขาจากภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ด้วย ซึ่งเสี่ยงมากที่จะโดนมิจฉาชีพทางออนไลน์แฮคข้อมูล โดยเฉพาะ username , password , ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลทางการเงินต่างๆ
หากไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อในขณะที่คุณซื้อของผ่านทางอินเตอร์เน็ต ( Shopping Online ) ให้ลองอ่านข้อแนะนำและปฏิบัติดังนี้
ค้นหาสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความปลอดภัย – ควรเลือกช้อปกับเว็บไซต์ร้านค้าที่มีชื่อเสียง และทำธุรกรรมใดๆ บนหน้าเว็บไซต์ที่แสดงถึงการรักษาความปลอดภัยเท่านั้น หรือเครื่องหมายที่แสดงความน่าเชื่อถือ ระบุชัดเจนว่าเว็บไซต์ร้านค้าเหล่านั้นได้รับการยืนยันว่าเป็นเว็บไซต์ที่ปลอดภัยจากมัลแวร์ จากบริษัทด้าน Antivirus และรักษาความปลอดภัยชั้นนำ นอกจากนี้ ควรมองหาตัวอักษร HTTPS ที่มีสัญลักษณ์แม่กกุญแจ และแถบสีเขียวที่อยู่ในเบราว์เซอร์ ก่อนที่จะป้อนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ หรือสั่งซื้อ
“รหัสผ่าน” ต้องไม่ใช่ตั้งรหัสผ่านแบบง่ายๆ จนเดาง่าย – ให้ความสนใจกับรหัสผ่าน ไม่ว่าสำหรับอีเมล์, เครือข่ายสังคมของคุณ รวมถึงบัญชีธนาคารออนไลน์ สร้างรหัสผ่านให้ซับซ้อนและไม่ซ้ำกันอย่างมีเอกลักษณ์ โดยที่คุณสามารถตั้งค่าตัวอักษรให้มีทั้ง ตัวพิมพ์ใหญ่, ตัวพิมพ์เล็ก, ตัวเลขและสัญลักษณ์ต่างๆประกอบกัน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตของคุณบนเว็บไซต์ของร้านค้า
ระมัดระวังการใช้ไว-ไฟ (Wi-Fi) สาธารณะ – เพราะอาจถูกหลอกล่อให้ซื้อสินค้าออนไลน์ต่างๆด้วยการ ใช้ไว-ไฟ (Wi-Fi) สาธารณะ โดยฮอตสปอต (Hotspots) เหล่านั้นอาจเป็น Hotspot ปลอมที่สร้างขึ้นโดย Hacker และใช้ชื่อ SSID เหมือนกันกับ Wifi สาธารณะ คุณควรใช้วีพีเอ็น (VPN) ซึ่งเป็นเครือข่ายส่วนบุคคลในการเชื่อมต่อออนไลน์ หรือรอจนกว่าคุณจะอยู่บนเครือข่ายไว-ไฟ (Wi-Fi) ที่ได้รับการป้องกันก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์หรือ ล็อคอินเข้าเว็บไซต์ธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่เพื่อทำการช้อปออนไลน์ หรือง่ายสุดใช้ผ่าน 3G ของเราไปเลย ปลอดภัยกว่าการใช้งาน Wifi สาธารณะ แต่ทั้งนี้ต้องระวังสำหรับผู้ที่ใช้มือถือที่มีการ jailbreak และ root ด้วย เพราะถ้าคุณลงแอพปลอม ก็อาจโดนขโมยข้อมูลส่วนตัว โดน Remote Access หรือแอบขโมย username และ Password ได้
หลีกเลี่ยงสแปม (Spam) ที่สร้างความประหลาดใจ – ไม่ใช่สแปม(Spam)ทุกตัวไม่เป็นอันตราย แต่สแปม (Spam) บางตัวพกไวรัสและภัยคุกคามที่เป็นอันตรายอื่นๆ มาสู่คอมพิวเตอร์ของคุณ อาทิ การพาดหัวเกี่ยวกับโปรโมชั่นวันหยุด เช่น ลดยกร้านไปเลย 80% (All-to-go Sale: 80% off!) หรือบางทีก็เป็นคำอธิบายใต้ภาพตามเทศกาล เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับแพคเกจการจัดส่งของคุณ คุณอาจถูกยั่วยวนให้คลิ๊กเข้าไป แต่ที่จริงคุณควรจะไหวตัวทันในการจัดการเมล์ขยะเหล่านั้นแทน ควรระมัดระวังเสมอในการเปิดอีเมล์จากผู้ส่งที่ไม่รู้จักหรืออีเมล์ลดแลกแจกแถมที่ดูจะใจดีเกินไป
ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส อัพเดตและตรวจอย่างสม่ำเสมอ – ทั้งตัวคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตด้วย โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ เป็นเป้าหมายใหม่ ของเหล่าอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ ที่หวังจะขโมยทั้งรายชื่อเบอร์โทร ข้อความแชต รหัสปลดล็อค รวมถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ
หากคุณได้ทำตามข้อต่างๆเหล่านี้แล้ว คุณก็สามารถชอปปิ้งผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่จะเป็นเหยื่อทางออนไลน์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นอร์ตัน อินเทอร์เน็ต ซิเคียวริตี้ และนอร์ตัน 360 มัลติ-ดีไวซ์เป็นซอฟต์แวร์