พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ บก.ปอศ. โฆษก บก.ปอศ. ฝากเตือนประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อแก็งค์โทรศัพท์หลอกลวงให้โอนเงิน หรือที่เรียกกันว่าแกงค์ Call Center เนื่องจากปัจจุบันคนร้ายได้เปลี่ยนรูปแบบโดยไม่เดินทางเข้าไทย รวมทั้งกดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มจากที่ต่างประเทศ ทำให้ตำรวจไม่สามารถจับกุมได้ และประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกไปหลายราย เพื่อมิให้โดนถูกหลอกตกเป็นเหยื่อของแก็งค์คอลเซนเตอร์เหล่านี้ จึงฝากเตือนให้ระมัดระวังพฤติกรรมการสนทนาของแก็งค์คอลเซนเตอร์ หากพบพฤติกรรมของคนร้ายในลักษณะนี้ต้องตั้งสติและระมัดระวังอย่าหลงเชื่อจากคนที่โทรหาคุณ
แจ้งเตือน “แก็งค์คอลเซ็นเตอร์ระบาดอีกแล้ว “ (ฉบับที่ 1)
- คนร้าย จะโทรศัพท์เข้ามือถือ โดยโชว์เบอร์ในประเทศ แล้วแจ้งว่ามาจาก ธนาคารหนึ่งธนาคารใด หรือ ธนาคารชาติ โดยบอกว่า บัตรเครดิตครบชำระแล้วยังไม่ได้ชำระ ธนาคารมีความจำเป็นต้องตัดจากบัญชีเงินฝากอื่น ทำให้เหยื่อเกิดความกังวล และเมื่อเหยื่อบอกว่าไม่มีบัตร หรือ ไม่เคยใช้ ก็จะหลอกว่า ปรากฏข้อมูลมีการใช้ อาจถูกแอบนำข้อมูลไปเปิดบัตรเครดิต เพื่อให้เหยื่อกลัวว่าจะถูกหักเงินจากบัญชี เมื่อเหยื่อเริ่มสนทนา ก็จะขอทราบชื่อ ธนาคาร เพื่อตรวจสอบ แล้วแจ้งว่าจะมี DSI ติดต่อมา
- หลังจากนั้น จะมีโทรศัพท์เข้ามาโดยแจ้งว่าจาก DSI แจ้งว่ามีคดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลายรายแล้ว และบางรายถูกตัดเงินจากบัญชีไปเป็นล้าน เพื่อให้เกิดความกลัว เพื่อให้เหยื่อขอความช่วยเหลือ แล้วคนร้ายก็จะหลอกว่าจะประสานกับธนาคารชาติให้ตรวจสอบบัญชีและรีบระ งับบัญชีโดยด่วน โดยให้ไปหาตู้ เอทีเอ็ม ใกล้ที่สุด เมื่อได้แล้วให้โทรกลับ หรือ คนร้ายอาจโทรมาอีกครั้ง
- เมื่ออยู่ที่ตู้ เอทีเอ็ม คนร้าย จะหลอกว่าอย่าให้ใครเห็นเนื่องจากเป็นเรื่องลับ หรือ ผิดกฎหมาย เมื่อกดเอทีเอ็ม หากพบว่ามีชื่อบัญชีคนอื่นก็ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นชื่อที่ธนาคารชาติตั้งไว้เป็นรหัสสำหรับทำรายการด่วน โดยพยายามให้เหยื่อกดหลายครั้ง โดยบอกว่ารหัสไม่ผ่าน แต่ข้อเท็จจริงได้โอนเงินไปแล้วหลายครั้ง จนพอใจ คนร้ายจะบอกว่าระงับบัญชีให้แล้ว
- หลังจากนั้น คนร้ายที่อยู่ในต่างประเทศที่ถือบัตรเอทีเอ็มอยู่จะรีบกดเงินจนหมดบัญชีโดยทันที
- เมื่อเหยื่อรู้ตัว ไปแจ้งความก็ไม่ทัน และจับคนร้ายไม่ได้เพราะอยู่ที่ต่างประเทศ โดยใช้การทำงานทางโทรศัพท์
ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุแล้ว จึงยากต่อการจับกุม หรือ ติดตามเงินคืน อีกทั้งเป็นความผิดระหว่างประเทศ การป้องกันบอกข่าวให้ประชาชนรู้ทุกระยะจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด มากกว่าการจับกุมมาแถลงข่าว
( แจ้งเตือนเมื่อ 31 พ.ย.2554 )
แจ้งเตือนแก็งค์คอลเซ็นเตอร์อาละวาดอีกแล้ว (ครั้งที่ 2)
บก.ปอศ.ได้รวบรวมแผนประทุษกรรมคนร้ายแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในรอบปีที่ ผ่านมา พบว่า
- กลุ่มคนร้ายตัวการยังเป็นกลุ่มเดิมที่ใช้ต่างประเทศเป็นฐานในการโทรศัพท์หาเหยื่อ
- ยังมีคนไทยที่ร่วมมือกระทำผิดโดยเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่ไปฝึกการหลอกลวงโดยการใช้โทรศัพท์ และ ยังคงใช้ระบบโทรศัพท์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ( voip)
- ยังมีคนไทยถูกหลอก หรือ บางรายรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารที่มีบัญชีเอทีเอ็มได้ในต่างประเทศ โดยรับจ้างเปิดบัญชีละ 500 บาท
- เรื่องราวที่หลอกลวงยังเหมือนเดิม เริ่มจากเป็นหนี้บัตรเครดิต บัญชีในธนาคารมีการโอนเงินเข้าผิดปกติ สงสัยเป็นบัญชีฟอกเงิน
- ยังมีการใช้ชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. , ดีเอสไอ ,ปปง. เข้าสร้างความเชื่อว่ามาจากหน่วยราชการจริง
- เหยื่อเปลี่ยนจากคนมีการศึกษา ทำงาน มาเป็นคนแก่ คนชรา ที่ไม่ได้ฟังข้อมูลข่าวสาร ไม่รู้ระบบการตรวจสอบเกี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่รู้ระบบการโอนเงินธนาคาร และ ตกใจง่าย เชื่อง่าย
- สถิติการถูกหลอกลวงเพิ่มมากขึ้นเมื่อ เรื่องเงียบหายไปจากสื่อสารมวลชน หรือ ไม่มีข่าวสาร
- คนร้ายเปลี่ยนจากการให้โอนเงินผ่านบัตรเอทีเอ็ม เป็นให้ไปถอนเงินสดและโอนเงินเข้าบัญชีที่ธนาคาร เพื่อหลบหลีกข้อหา ใช้บัตรอิเลคทรอนิคของผู้อื่น ที่เหตุเกิดที่ธนาคารที่โอนในประเทศไทย เพื่อให้การหลอกลวงและการโอนเป็นเพียงคดีหลอกลวงฉ้อโกง ที่มีอายุความร้องทุกข์ 3 เดือน และ เหตุเกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร
แต่อย่างไรก็ตามพบว่า คนร้ายโทรศัพท์แล้วมีเหยื่อหลงเชื่อเพียง ร้อยละ 5 เท่านั้น จากเดิมที่หลงเชื่อถึง ร้อยละ 80 คนร้ายจึงพยายามหลอกให้ได้เงินครั้งละมากที่สุดที่จะทำได้
คนร้ายที่ถูกจับกุมได้ส่วนมากเป็นคนจีนที่นำบัตรเอทีเอ็มผู้อื่นไปเบิกเงินตามธนาคาร คนไทยที่รับจ้างเปิดบัญชีและถูกนำบัญชีมาใช้เป็นบัญชีปลายทางรับโอนเงินจากเหยื่อ เช่น กรณี ครูถูกหลอก 50 ล้านบาท บัญชีที่ถูกอายัดกว่า 15 บัญชีเป็นคนไทย แต่กลุ่มที่หลอกยังไม่ถูกจับกุม เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ และ จะหาคนไทยมาเปิดบัญชี และ กระทำผิดอีกต่อไป
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปที่รับทราบข่าวสาร บอกต่อโดยเฉพาะคนแก่ที่ตกเป็นเหยื่อ ว่าอย่าไปเชื่อการติดตามทวงถามหนี้บัตรเครดิต การขู่ว่าบัญชีผิดปกติทางโทรศัพท์ หรือ ทางคอมพิวเตอร์ เนื่องจากปัจจุบันธนาคารต่าง ๆ ไม่ใช้วิธีดังกล่าวแล้ว และ หากพบว่ามีการโทรศัพท์ ก็อยากบอกชื่อ ข้อมูลธนาคารของตนเอง ให้ย้อนถามไปว่า เราชื่ออะไร หรือ ถ้าบอกชื่อให้บอกชื่อมั่วไป หรือทางที่ดีให้กดโทรศัพท์ทิ้งไป แล้วโทรกลับไปยังเบอร์ที่โชว์ว่าโทรมาจากไหนจะไม่สามารถติดต่อได้
สำหรับการรับจ้างเปิดบัญชี ท่านอาจมีความผิดตามกฎหมายด้วย ซึ่งทุกธนาคารมีป้ายเตือนอยู่ หากสงสัยให้สอบถามได้ทุกธนาคาร หรือที่ facebook ตำรวจเศรษฐกิจ
ตัวอย่างคลิปเสียงบทสนทนาจริงระหว่างคนร้ายแก๊งค์ Call Center กับเหยื่อ
(ได้รับการอนุญาติให้นำมาเผยแพร่โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ)