คงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเราใช้บริการใดๆ อย่างเช่นเว็บไซต์ แล้วผู้ให้บริการเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว เพราะจริงๆแล้วมันก็เป็นสิทธิของผู้ให้บริการอยู่แล้ว ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า การเปลี่ยนแปลงนโยบายส่วนบุคคลของ Google ที่เป็นประเด็นในครั้งนี้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ใช้หลายๆคนหันมาสนใจอ่านนโยบายและเงื่อนไขในการใช้บริการต่างๆ เพราะปกติแล้ว ในการสมัครบริการใดๆ ผู้ใช้ทั่วไปมักกด Accept ยอมรับโดยไม่อ่านรายละเอียดเงื่อนไขและนโยบายของผู้ให้บริการ
แต่เหตุผลที่หลายๆประเทศ อย่างเช่น อัยการสูงสุดของ Utah รวมไปถึงกลุ่ม EU และประเทศในยุโรป ข้อมูลจาก CMSWire ได้คัดค้านนโยบายส่วนบุคคลฉบับใหม่ของ Google ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เพราะเงื่อนไขและข้อกำหนดของนโยบายนั้น เป็นข้อตกลงในการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ให้กับผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นการนำข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้เพื่อประโยชน์ในการแสดงผลโฆษณา หรือเชื่อมโยงกับบริการอื่นๆ รวมไปถึงการเปิดให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้ โดยเราจะต้องระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวของเราให้มากขึ้น นโยบายใหม่นี้แม้ว่าจะทำให้ผู้ใช้อย่างเราๆสะดวกและแบ่งปันข้อมูลง่ายขึ้น แต่ก็นำข้อมูลของเราเชื่อมโยงกับบริการต่างๆของ Google ทำให้ผู้ใช้เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว ในการให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้ให้บริการ ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลของเรา
จริงอยู่ว่าในบางบริการอาจจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวบางส่วนของเราในการวิเคราะห์การให้บริการ เช่น การแสดงผลโฆษณา หมายเลขบัตรเครดิต แต่นั่นหมายถึงว่า ทันทีที่คุณสมัครบริการ Google ถือว่าคุณเต็มใจให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณแก่ผู้ให้บริการกลายๆ อย่างเช่น Google+ Profile จะมีการแสดงข้อมูลส่วนตัวของเรา ยังไม่นับรวมนโยบายที่ก่อนหน้านี้ Google+ ให้แสดงชื่อและนามสกุลจริงบน Google+ Profile ด้วย
นอกจากนี้ บริการต่างๆที่เราใช้บริการผ่านการ Sign in Google Account ทางระบบก็จะจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวของเราไว้ด้วย เช่น ข้อมูลที่เราค้นหาใน Google หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขที่เราโทรหา หมายเลขที่โอนสาย หากใครใช้โทรศัพท์มือถือ Android ก็จะพบว่า มีการเก็บค่าการใช้งานของอุปกรณ์ เครือข่ายที่เราใช้งาน ซึ่งเราเคยนำเสนอไปแล้วในบทความ วิธีตรวจสอบมีใครแอบใช้ Gmail ของเราหรือเปล่า? ระบบจะจัดเก็บค่าการล็อกอิน ล็อกเอ้าท์ของเราในระบบ การใช้งานผ่านบราวเซอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์ที่เราใช้งาน และอาจรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ด้วย จะเห็นได้ว่านโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google ฉบับใหม่ จะทำให้ความเป็นส่วนตัวของเราสูญเสียไป
นอกจากนี้การใช้งานบริการของ Google ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ จะมีการใช้บริการระบุตำแหน่งผ่าน Google Latitude และบริการ Location-Based Service และอาจจะใช้เทคโนโลยี GPS ในการระบุตำแหน่บนโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อ Wi-Fi และเสาสัญญาณใกล้เคียง และสำหรับแอพบนมือถือ ก็จะมีการตรวจสอบการอัพเดตอัตโนมัติ นั่นหมายถึงว่า ระบบจะมีการรับส่งข้อมูลกับเครือข่ายตลอดเวลาเพื่อตรวจสอบการอัพเดตแอพล่าสุด
ตัวอย่างในภาพนี้ ทุกครั้งที่เราล็อกอิน Google Account จากเว็บไซต์ใดๆ จะถูกบันทึกข้อมูลอุปกรณ์ เครือข่ายที่เราใช้งาน และระบุ Google Account ที่เราล็อกอินด้วย
แต่ที่เล่ามาทั้งหมด หากคุณยังกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัว ก็ยังสามารถกำหนดค่าในการบริหารบริการที่ผูกกับบัญชี Google ได้จาก Google Dashboard แก้ไขและกำหนดโฆษณา กำหนดการแบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่น และการรับข้อมูลบริการของ Google และไม่ต้องกังวลว่า ระบบจะเข้ามายุ่งกับความเป็นส่วนตัวของคุณ เพราะคุณยังสามารถกำหนดการแบ่งปันข้อมูล ตลอดจนการกำหนดค่าคุ้กกี้บนบราวเซอร์ ในการกำหนดไม่ให้เก็บข้อมูลใดๆของคุณเลย แต่ก็จะแลกกับความไม่สะดวก เช่น การจดจำค่าภาษา
ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อมูลส่วนตัวต่างๆจะส่งไปยัง Google ก็ต่อเมื่อได้รับการยินยอมจากผู้ใช้เท่านั้น แต่ในบางบริการอย่าง Google Apps ที่มีผู้ดูแลโดเมน สามารถเข้าชมสถิติเกี่ยวกับบัญชี เช่น แอพพลิเคชั่นที่ติดตั้ง การเปลี่ยนรหัสผ่าน การระงับหรือยกเลิกบัญชี ซึ่งทั้งสามอย่างนี้เป็นเรื่องปกติของผู้ดูแลระบบโดเมนอยู่แล้ว แต่ผู้ใช้อย่างเราๆ ควรจะศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของตัวเราเอง ก่อนที่จะสมัครและให้ข้อมูลส่วนตัวของเรากับผู้ให้บริการรายใดๆ ที่อาจจะนำข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้า และข้อมูลส่วนตัวของเราอาจรั่วไหลไปยังผู้อื่นได้
ข้อมูลจาก Google Policies