เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา พ.อ. ดร. นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ได้กล่าวหัวข้อเรื่อง “ มิติใหม่การกำกับดูแล และการจัดสรรคลื่นความถี่ในกิจการ Broadcasting” ซึ่งจะได้ทราบถึงว่าสิ่งที่ กสทช. กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงจาก TV Analog สู่ Digital TV ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 จะมีความเปลี่ยนแปลงจากการออกอากาศของวิทยุโทรทัศน์ในปัจจุบันนี้อย่างไร ?
พ.อ. ดร. นที ได้เผยข้อมูล สถานการณ์ด้านกระจายเสียงและโทรทัศน์ ในประเทศไทย ว่ามีผู้ประกอบกิจการในด้านวิทยุโทรทัศน์จำนวนมาก
- มีวิทยุที่ยังไม่ได้รับอนุญาต 8000 ราย
- ผู้ประกอบการรายเดิมที่ขออนุญาตแล้วและ ดำเนินการโดยภาครัฐ มีแค่ 500 ราย
- โทรทัศน์ในปัจจุบัน มีฟรีทีวี 6 ช่อง , บอกรับสมาชิกอีก 1 ช่อง , ช่องดาวเทียม 400 ราย , เคเบิลทีวีท้องถิ่น 500 ราย 800 โครงข่าย
แต่ในอนาคตในแนวทางบอร์ดกระจายเสียง กสทช. จะนำผู้ประกอบการมาเข้าสู่ระบบใบอนุญาตให้มีความเท่าเทียม , สร้างกระบวนการกำกับดูแล (ไม่ไช่การควบคุม) ให้เหมาะสม , และส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้ประกอบกิจการที่ยังไม่เป็นมืออาชีพ ได้มีโอกาสพัฒนาไปสู่ความเป็นมืออาชีพเพิ่มขึ้น
การออกแบบวางโครงสร้างการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ จะเน้นความง่าย สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี
ลักษณะการประกอบการกระจายเสียงโทรทัศน์ แบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ คือ
- Infrastructure Provider โครงสร้างพื้นฐาน / สิ่งอำนวยความสะดวก (ผู้ให้บริการเสาไฟฟ้า บริการสถานที่ บริการเสาติดตั้งอุปกรณ์สื่อสาร)
- Network Provider ผู้บริการโครงข่าย (สัญญาณและส่งไปยังประชาชน)
- Services Provider บริการกระจายเสียงโทรทัศน์ (ผู้ที่ให้บริการช่องทีวี ช่องวิทยุ)
- Application Services Provider บริการประยุกต์ (บริการเสริมต่างๆ)
โดยโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Provider) และผู้ให้บริการโครงข่าย (Network Provider) นี้ เป็นการสร้างช่องทาง ในการที่จะนำเนื้อหา หรือข้อมูล รายการทีวี รายการวิทยุ ไปสู่ประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการวิทยุและโทรทัศน์ (Services Provider) ต้องการใช้ร่วมกันมากที่สุด และต้นทุนน้อยที่สุด
ดังนั้น Services Provider เป็นส่วนที่เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เนื่องจาก เนื้อหา (Content) คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดการแข่งขันกันนี่เอง
การแข่งขันกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ มีความแตกต่างจาก การแข่งขันกิจการโทรคมนาคม คือ
- กิจการโทรคมนาคม จะแข่งขันกันว่า โครงข่ายใครดีกว่ากัน ?
- ส่วน กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โครงข่ายทุกคนจะไปเหมือนกัน จะแข่งขันกันว่า เนื้อหาใครดีกว่ากัน ?
ดังนั้นการมีโครงข่ายเดียวกันไม่ซีเรียสสำหรับ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เนื่องจากการแข่งขันในด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ คือแข่งขันเรื่องเนื้อหารายการนี่เอง
จะเห็นได้ว่าในกิจการโทรคมนาคม การบังคับให้แชร์แบ่งปันโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน (Infar Sharing ) เป็นสิ่งที่ยากมาก ในขณะที่ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ผู้ประกอบการต้องการที่จะใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันให้มากที่สุด เพราะมันช่วยลดต้นทุน แต่จะแข่งที่การนำเสนอเนื้อหารายการ
ความแตกต่างระหว่างระบบ Analogue และ Digital คือ
ระบบ Analogue ทุกอย่างจะอยู่ที่ผู้ประกอบการ(สถานีวิทยุ,โทรทัศน์) รายเดียว ผู้ผลิตรายการมีหน้าที่ supply ให้กับผู้ประกอบกิจการ(สถานีวิทยุ,โทรทัศน์)
ระบบ Digital ผู้ผลิตรายการ ผลิตให้กับผู้ประกอบกิจการช่องรายการ แล้วส่งต่อไปยังโครงข่าย (โครงข่ายมีหน้าที่ส่งให้กับประชาชนโดยตรงผ่านโครงสร้างพื้นฐาน (อุปกรณ์รองรับ digital tv)
ผู้ให้บริการช่องทีวี ช่องวิทยุ (Services Provider) แบ่งออกเป็น 2 กิจการคือ
1.กิจการใช้คลื่นความถี่ (เช่น โทรทัศน์ภาคพื้นดิน , วิทยุกระจายเสียง) ต้องขอคลื่นความถี่
2. กิจการไม่ใช้คลื่นความถี่ (iptv , cable tv , ทีวีดาวเทียม) ซึ่งไม่ต้องขอคลื่นความถี่
ภารกิจที่ บอร์ดกระจายเสียง กสทช.ต้องการให้เกิดขึ้นคือ ทีวีดิจิตอลต้องเกิดภายในปีนี้!!!
โดยในช่วงสิงหาคมถึงธันวาคม ช่วงการออกใบอนุญาตโครงข่าย และ การออกใบอนุญาตกิจการประเภทบริการสาธารณะ และกลางปีหน้า ถึงจะออกใบอนุญาตประกอบกิจการธุรกิจ ซึ่ง ดร.นที หวังว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น
และรับรอง DVB-T2 เป็นมาตรฐานโทรทัศน์ดิจิตอลของประเทศไทย จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
ในอนาคตหลังจากการเปลี่ยนแปลงสู่โทรทัศน์แบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ กิจการโทรทัศน์จะมีอยู่แค่ 3 แบบเท่านั้นคือ
- Digital TV ,
- Cable TV (ที่สามารถให้บริการทีวี และให้บริการบอร์ดBroadband ต่างๆได้ )
- IPTV กับ DTH เท่านั้น
นั่นหมายความว่าหากเปลี่ยนเป็นยุคทีวีดิจิตอลแล้ว กิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์จะเติบโต จะมีทีวีที่สามารถชมได้นอกเหนือจากที่บ้านด้วย เช่นทีวีบนมือถือ , ทีวีบนรถยนต์ ทีวีบนแท็บเล็ต เป็นต้น และจะทำให้กิจการวิทยุและโทรทัศน์ เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนรวมและสาธารณะอย่างแท้จริงในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร
“แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกลเพียงใด เนื้อหารายการต่างๆที่คุณคุ้นเคยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่นิยม ก็ยังเป็นวิทยุโทรทัศน์เหมือนเดิม แม้ว่าอินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมแต่ก็ยังใช้ฟังวิทยุและดูโทรทัศน์อยู่ดี” พ.อ. ดร. นที ศุกลรัตน์” กล่าว