วันที่ 22 ต.ค. 2555 พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. พร้อมด้วย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และ ประธาน กทค. พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร กสทช. ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กสทช. และ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ได้ร่วมแถลงการณ์ยืนยันเจตนารมณ์ในการที่จะคุ้มครองผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนจากการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และ ประธาน กทค. ได้แถลงว่า “เพื่อให้การดำเนินการออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมให้แก่ผู้ผ่านการประมูล เป็นการคุ้มครองผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยคณะกรรมการกิจการโทคมนาคม หรือ กทค. จึงขอประกาศเจตนารมณ์ต่อสาธารณชนในการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ดังนี้
1. จะกำกับดูแลอัตราค่าบริการทั้งประเภทเสียงและข้อมูลของบริการ 3G บนย่านความถี่ 2.1 GHz ให้ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 – 20 ของอัตราค่าบริการในปัจจุบัน
2. จะกำกับดูแลให้คุณภาพการให้บริการเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่องมาตรฐานของคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมประเภทข้อมูลสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างเคร่งครัด และ ให้มีมาตรการติดตามคุณภาพของการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
3. จะกำกับดูแลให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำแผนความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility – CSR) และแผนคุ้มครองผู้บริโภคก่อนเริ่มให้บริการ รวมทั้งให้มีมาตรการติดตามการดำเนินการของผู้รับใบอนุญาตให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด
4. จะมีการตรวจสอบพฤติกรรมการเสนอราคาของผู้เข้าร่วมการประมูลในระหว่างการประมูลคลื่นความถี่ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2555 เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตต่อไป
5. จะมีการปรับปรุงกระบวนการรับเรื่องและพิจารณาเรื่องร้องเรียนตามประกาศ กทช. เรื่อง การรับเรื่องร้องเรียน และกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียน พ.ศ. 2549 โดยเน้นกระบวนการในการพิจารณาและแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ทันท่วงที
6. จะมีการใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมและผู้ร้องเรียน พ.ศ. 2555 ให้เกิดประสิทธิภาพ และสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ทั้งนี้การดำเนินการในข้อ 1 – 3 ผู้ผ่านการประมูลจะต้องรับเงื่อนไขดังกล่าวก่อนให้บริการ
จึงแถลงการณ์ให้สาธารณชนเกิดความเชื่อมั่นว่า กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจหน้าที่ไว้ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และจะกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ”
“อยากให้สื่อมวลชนและประชาชนมีความมั่นใจว่า กสทช. ไม่ได้รีบร้อนในการให้ใบอนุญาต และในการรับรองผลการประมูลที่ผ่านมา เป็นการรับรองตามกำหนดการที่ตั้งไว้ ไม่ได้เป็นการเร่งรีบ ดังนั้นในการออกใบอนุญาตจะต้องมีความโปร่งใส และประโยชน์จะต้องเกิดขึ้นกับประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ขอให้มั่นใจว่ากระบวนการทุกกระบวนการมีการดำเนินการอย่างระมัดระวัง” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ฯ กล่าวทิ้งท้าย
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า กสทช. จะกำกับดูแลอัตราค่าบริการทั้งประเภทเสียงและข้อมูลของบริการ 3G บนย่านความถี่ 2.1 GHz ให้ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของอัตราค่าบริการในปัจจุบัน โดยการลดลงของอัตราค่าบริการ จะส่งผลให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G โดยรวมทั้งประเทศได้รับประโยชน์จากการมีค่าบริการที่ถูกลงหรือสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนในการให้บริการที่ลดลง และระดับการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในตลาด โดยผลประโยชน์ดังกล่าวซึ่งหากอัตราราคาค่าบริการลดลง 15% จะคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 4,571.25 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 54,855 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคิดเป็นผลประโยชน์ทั้งหมดประมาณ 822,825 ล้านบาทภายในระยะเวลา 15 ปี และหากอัตราราคาค่าบริการลดลง 20% จะคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 6,095.22 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 73,142.64 ล้านบาทต่อปี และประมาณ 1,097,145 ล้านบาทภายในระยะเวลา 15 ปี ทั้งนี้ผลประโยชน์จากการใช้บริการ 3G จากอัตราค่าบริการที่ลดลงได้พิจารณาอ้างอิงจากราคาค่าบริการ 3G ในปัจจุบันในอัตราประมาณ 899 บาทต่อเดือน
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กสทช. กล่าวถึงประเด็นที่จะมีการตรวจสอบพฤติกรรมการเสนอราคาของผู้เข้าร่วมการประมูลในระหว่างการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตต่อไป โดยได้มีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายของสำนักงาน กสทช. ทั้งในเรื่องของ พ.ร.บ.ความผิดในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งในส่วนของระบบ และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมูล ซึ่งก็ได้มีการยืนยันในส่วนของสำนักงานและบริษัทที่ปรึกษาฯ ในการประมูลว่าระบบการทำงานไม่ได้มีพฤติกรรมในการสมยอม แต่เนื่องจากมีกระแสข่าวในเรื่องของพฤติกรรมการเสนอราคาของผู้เสนอราคาในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดความชัดเจน สำนักงาน กสทช. จะได้มีการจัดตั้งคณะทำงานซึ่งจะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มาตรวจสอบอีกครั้ง และจะได้มีการเชิญผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการประมูลมาสอบถามอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าในการพิจารณาออกใบอนุญาตจะมีความโปร่งใสมากที่สุด ทั้งนี้ระยะเวลาในการตรวจสอบนั้นจะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุดคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณไม่เกิน 15 วัน หลังจากนั้นจะนำเสนอที่ประชุม กทค. เพื่อพิจารณาต่อไป
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา แอนวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด จากค่าย AIS ยื่นเช็ค ได้ยื่นเช็คชำระเงินงวดแรก เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,824,375,000 บาท ให้กับทาง กสทช.
และเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ในเครือทรู เดินทางมายื่นเช็ค ชำระเงินงวดแรก เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,872,5000 บาท