กลุ่ม เอสแอล คอนซอร์เตียม ประกอบด้วย SAMART LOXLEY และ HUAWEI ชนะประมูล เครือข่ายTOT3G ชนะการประมูล เตรียมลุยติดตั้งขยายเครือข่าย TOT3G
ก่อนวันประมูล 3G วันที่ 27 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้พิจารณายกเลิกคำร้องขอให้คุ้มครองชั่วคราว 3G TOT ของ Ericsson กับ ZTE
คอนซอร์เตียม อีริคสัน ซึ่งประกอบด้วย อีริคสัน (ประเทศไทย) กับบริษัท เอเอส แอสโซซิเอส ถูกตัดสิทธิเข้าร่วมเสนอราคาเนื่องจากไม่ส่งแคตตาล็อกอุปกรณ์เกี่ยวกับสายอากาศ
ส่วนแซดทีอี คอนซอร์เตียม ซึ่งประกอบด้วย แซดทีอี ประเทศไทย กับ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น ถูกตัดสิทธิเนื่องจากออกแบบค่าคำนวณอุปกรณ์เกี่ยวข้องสำหรับโครงข่ายหลักไม่ตรงตามข้อกำหนดทางเทคนิค
ผลจากยกเลิกคำร้องนี้ ส่งผลทำให้การประมูล 3G TOT ยังสามารถดำเนินต่อไปได้
และในวันนี้ 28 มกราคม 54 วันสำคัญอีกครั้งในวงการโทรคมนาคมไทย เพราะวันนี้จะทราบผู้ชนะประมูลโครงการสร้างโครงข่ายมือถือ 3G TOT มูลค่า 17,440 ล้านบาท โดการประมูลครั้งนี้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) ตามกำหนดการตั้งแต่เวลา 9.00-12.00 น.
โดยมี 2 กลุ่ม ที่จะแข่งขันประมูลกันในครั้งนี้ คือ
GGG 222 เอสแอล คอนซอร์เตียม ซึ่งประกอบด้วย บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ บริษัท หัวเหว่ย เทคโนโลยี และบริษัท โนเกีย-ซีเมนส์ ส่วนอีกกลุ่มคือ
GGG 333 เอยู คอนซอร์เตียม ประกอบด้วย บริษัท ยูคอม อินดัสเตรียล (ยูเทล) บริษัท แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (เอไอที) และบริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น
เคาะราคากันทั้งหมด 17 ครั้ง และจบที่ GGG 222 เสนอราคาต่ำสุด 16,290 ล้านบาท ขณะที่ GGG 333 เสนอราคา 16,777 ล้านบาท ซึ่งราคาต่ำสุดที่ได้อย่างไม่เป็นทางการต่ำกว่าราคากลาง 1,150 ล้านบาท หรือประมาณ 6.59%
การประมูลเพื่อขยายโครงข่าย TOT 3G วันนี้ได้ผู้ชนะการประมูลคือกลุ่มเอสแอล คอนเซอเตียม ซึ่งมี บริษัทสามารถ, ล็อกเล่ย์ และหัวเหว่ย ด้วยราคา 16,290 ล้านบาท
ผลจากการทำอี-ออกชันในครั้งนี้ จะนำเสนอกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ซึ่งขณะนี้มีนายนพณัฏฐ์ หุตะเจริญ ทำหน้าที่รักษาการ ในวันจันทร์ที่ 31 มกราคม ก่อนจะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทีโอที เห็นชอบก่อนกลางเดือน กุมภาพันธ์ และจะมีการลงนามในสัญญาได้ภายในวันที่ 15-18 กุมภาพันธ์ 54 ซึ่งจะทำให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ คาดว่าจะดำเนินติดตั้งอุปกรณ์สำหรับใช้บริการ เครือข่าย3G แล้วเสร็จในพื้นที่สำคัญ ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและมีรายได้สูง ดังนี้
เฟส 1 และเฟส 2 จะเปิดให้บริการได้ภายใน 180 วัน คือ กรุงเทพมหานครทุกพื้นที่และรวมปริมณฑล 4 จังหวัด และ 13 จังหวัดเศรษฐกิจ เช่น ชลบุรี ระยอง สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พิษณุโลก อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และหนองคาย
และเฟสสุดท้ายจะขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ อีก 59 จังหวัด ภายใน 360 วัน
ข้อมูลจาก – atnnonline , tot3g , ASTVผู้จัดการ