ด้วยสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่โดยทั่วไปในเวลานี้ ดีขึ้นเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติในหลายพื้นที่ ภารกิจต่อไปของผู้ประสบภัยคือย้ายกลับเข้าบ้านตัวเองหลังน้ำลด แต่ต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่องไฟฟ้าซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวเรา
(ข้อมูลนี้คัดลอกมาจาก Facebook ของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
“…. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอแนะนำวิธีการตรวจสอบความปลอดภัยระบบไฟฟ้าในบ้านเรือน ลำดับแรกต้องปลดคัทเอาท์หรืออุปกรณ์ป้องกันภายในบ้านเพื่อตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนที่จะใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สวิตช์และปลั๊กไฟที่ถูกน้ำท่วมอาจมีน้ำหรือดินโคลนสะสมอยู่ ให้ทำความสะอาดทิ้งไว้ให้แห้งหรือทำให้แห้งโดยเครื่องเป่าลม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกน้ำท่วม เช่น มอเตอร์ปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า แอร์ ตู้เย็น ตู้แช่ ต้องให้ช่างตรวจสอบก่อนการใช้งาน หากยกคัตเอาท์เพื่อใช้งานไฟฟ้าแล้ว ยังมีจุดหนึ่งจุดใดในระบบชื้นหรือเปียก ฟิวส์จะขาด ให้ปล่อยทิ้งไว้ 1 วัน เพื่อให้ความชื้นระเหยออก หลังจากนั้นให้เปลี่ยนฟิวส์และทำตามขั้นตอนเดิม หากฟิวส์ยังขาดให้รีบแจ้งช่างมาตรวจสอบ ส่วนการตรวจไฟรั่วทำได้โดยยกคัทเอาท์ไว้แล้วดับไฟทุกดวง ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น แล้วไปตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า หากพบว่าจานมิเตอร์หมุนอยู่แสดงว่ามีไฟรั่วตามสายหรือท่อบางจุดภายในบ้านให้รีบตามช่างมาตรวจสอบอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม หากมองเรื่องของความปลอดภัยในอนาคตนั้น แนะนำว่าสวิตช์และปลั๊กไฟที่น้ำท่วมถึง ควรย้ายให้สูงจากระดับน้ำท่วมถึง บ้านสองชั้นที่น้ำท่วมบริเวณชั้นล่างและมีคัทเอาท์หรืออุปกรณ์ป้องกันควบคุมตัวเดียว ควรให้ช่างเดินสายไฟฟ้าแยกวงจรไฟฟ้าชั้นบน ชั้นล่าง เพื่อหากเกิดน้ำท่วมในอนาคต สามารถที่จะแยกวงจรชั้นล่างออกจากวงจรชั้นบนได้อย่างอิสระและง่ายต่อการซ่อมแซมบำรุงรักษา….”
ข้อแนะนำเกี่ยวกับไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก บัญญัติ 21 ประการ “บ้านหลังน้ำท่วม” โดยอาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ สถาปนิค และนักจัดรายการวิทยุ “คุยกับหมอบ้าน” FM 96.5 Mhz
(โดยได้เลือกมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า) อย่างไรก็ตาม บัญญัติทั้ง 21 ข้อ สามารถไปอ่านได้ที่ http://hilight.kapook.com/view/63917 )
ข้อ 6. ปลั๊กไฟบ้านผม น้ำท่วมไม่เป็นไร น้ำลดจะเป็นไรไหม ?
- แม้คำถามของคุณออกจะกวนกวนอยู่บ้าง แต่เราก็พยายามเข้าใจและเห็นใจ ว่าในขณะที่ น้ำท่วม นั้นท่านปิดวงจรไฟฟ้าทั้งบ้าน (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ปิดคัทเอ๊าท์) น้ำท่วมก็คงไม่เป็นไรอยู่แล้ว เพราะไม่มีกระแส ไฟฟ้าเดิน แต่พอ น้ำลด อยากจะเปิดไฟใช้ คงหวั่นเกรงเหมือนกัน ว่าจะเป็นอย่างไร เอาละ ครับ ผมขอสรุป แนวทาง ดังนี้ดีกว่า
- ลองเปิดคัทเอ๊าท์ให้มีกระแสไฟฟ้าเข้ามา (อย่าลืมต้องมีฟิวส์ที่คัทเอ๊าท์เสมอ) หากปลั๊กหรือจุดใดจุดหนึ่งยังชื้น หรือเปียกอยู่ คัทเอ๊าท์จะตัดไฟและฟิวส์จะขาด ลองเปลี่ยนฟิวส์แล้วทิ้งไว้สัก 1 วัน ให้ความชื้นระเหย ออกไปบ้าง แล้วดำเนินการใหม่ หากคัทเอ๊าท์ยังตัดไฟเหมือนเดิม กรุณาตาม ช่างไฟฟ้า ผู้รู้เรื่องมาแก้ไข (เสียเงินบ้างก็เป็นเรื่องจำเป็น) ดีกว่าเอาชีวิตเสี่ยงต่อไป
- หากผ่านข้อที่ 1 ลองทดสอบเปิดไฟฟ้าทีละจุด และทดสอบกระแสไฟฟ้า ในปลั๊ก แต่ละอันว่ามี ไฟฟ้ามาปกติ หรือไม่ (อาจหาซื้อ อุปกรณ์ตรวจ กระแสไฟฟ้า ขนาดเล็ก จาก ห้างไฟฟ้าทั่วไป รูปร่างหน้าตาคล้ายไขควง มาเสียบทดสอบดูก็จะสะดวกดี) หาก ทุกจุดทำงาน ปกติก็ถือว่า สบายใจได้ไปอีกระดับหนึ่ง หากมีปัญหา บางจุด ก็อาจรอสักนิดให้ความชื้นระเหยออกเช่นข้อแรก (แต่หากพอมีเงิน กรุณาอย่าเสี่ยงเลยครับ)
- ดับไฟทุกจุดในบ้าน ปลดเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทั้งหมด แต่ยังคงเปิดคัทเอ๊าท์เอาไว้ แล้ววิ่งไปดู มิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้านว่าเคลื่อนไหวหรือไม่ (อาจต้องรอสักพักโดยการจดตัวเลข หรือใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไว้) หากไม่เคลื่อนไหวแสดงว่า ไฟฟ้าในบ้านเราไม่น่าจะรั่ว แต่หากมิเตอร์หมุนแสดงว่า ท่านยังปิดการใช้ไฟฟ้าในบ้านท่านไม่หมด หรือไฟฟ้า ตามสาย ตามท่อ ตามจุด บางจุดในบ้านท่าน อาจจะรั่วได้รีบตามช่างไฟมาดูแล
- เรื่องไฟฟ้านี้เป็น เรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของเด็กเป็นเรื่องของคนขี้ขลาด ไม่ใช่เรื่องของผู้กล้าหาญ ดังนั้นกรุณาอย่าประมาท น้ำท่วมก็เสียหายมากพอแล้ว อย่าต้องมาจัดงานอัปมงคลตามหลังกันอีกเลย …ซีเรียสนะครับ !
ข้อ 13. เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า จมน้ำหมดเลย ทำไงดี?
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า มอเตอร์ หรือเครื่องกลต่าง ๆ (อาจจะรวมได้ ไปจนถึง รถยนต์ด้วยก็ได้) ล้วนแต่เป็น เครื่องจักรกล ที่อย่างเราอย่างท่าน ไม่น่าประมาท หรือรู้มาก เข้าไปแก้ไข ซ่อมแซมเอง ขอความกรุณาอย่าเพิ่งใช้ ความสามารถส่วนบุคคล (หากไม่จำเป็นจริง ๆๆๆๆ)
หากโดนน้ำท่วมแล้ว น้ำเจ้ากรรม ไหลเข้าไป ในเครื่องเรียบร้อยแล้ว (แถมยังแช่ไว้ด้วย) ถอดออกไปให้ช่างผู้รู้ เขาตรวจสอบดูก่อน ดีกว่า กรุณาอย่าประมาท เอาไปตากแดด แล้วคิดว่าแห้งแล้ว เลยนำไปใช้ต่อ เพราะความชื้นบางส่วน อาจจะฝังอยู่ข้างใน พอเครื่องกลนั้น ทำงาน โดยใช้กระแสไฟฟ้า อาจทำให้เกิดปัญหา กับตัวบ้าน หรือเป็นอันตราย ถึงชีวิตได้
นอกจากความชื้นที่ฝังอยู่ในตัวเครื่องแล้ว บรรดาฝุ่นผง เศษขยะ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตบางประเภท ก็อาจจะฝังตัวหรือแอบซ่อนตัว (หรือเสียชีวิต) ค้างอยู่ภายในเครื่องด้วย หากเดินเครื่องจักรกลหมุน อาจจะเกิดการติดขัดและมีการฝืนกำลังกัน เครื่องอาจจะเสียหรือไฟไหม้ได้ (อาจจะไม่ได้เกิดโดยทันที แต่จะเกิดขึ้นภายหลังได้)
หากแม้นจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องใช้เครื่องจักรกลนั้น(ซึ่งผมหวังว่าคงจะไม่มี) ยามจะใช้เครื่องกลเหล่านั้นน่ามีข้อคิด 3 ประการคือ
1. ตลอดเวลาที่ใช้ต้องมีผู้ใหญ่ที่พอรู้เรื่องไฟฟ้าและเครื่องจักกลพื้นฐานอยู่ใกล้ๆเสมอ และอย่างน้อยน่าจะมี ๒ คนครับ เมื่อเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมาต้องดับเครื่องปิดเครื่องโดยทันที
2. ที่คัทเอ๊าท์ไฟฟ้าของตัวเครื่อง และคัทเอ๊าท์หลักของตัวบ้าน จะต้องมีฟิวส์ตัดไฟที่มีคุณภาพ ติดตั้งอยู่เสมอ เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ต้องแน่ใจว่าวงจรไฟฟ้าจะถูกตัดออก
3. เมื่อไรไม่จำเป็นจริง ๆ แล้ว ให้หยุดใช้เครื่องกลตัวนั้นทันที พอมีเวลาบ้าง และพอมีงบประมาณ กรุณานำไปให้ช่างผู้รู้ตรวจสอบ
ข้อ 19. น้ำท่วมช่องลิฟต์ ห้องเครื่อง หม้อแปลงไฟฟ้า
น้ำท่วมลิฟต์ ห้องเครื่อง หม้อแปลงไฟฟ้า หรือส่วนที่เป็นเครื่องกลสำคัญต่างๆของอาคาร กรุณาอย่าซ่อมแซมเอง ให้เรียกบริษัท หรือช่างผู้รู้จริงมาตรวจสอบ และแก้ไขเสีย จะต้องเสียงบประมาณเท่าไรก็ต้องยอมนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และห้ามประมาทเด็ดขาดนะครับ
นอกจากนี้ ยังมีคู่มือสำหรับการดูแลบ้านหลังน้ำท่วมให้ download หรือศึกษากันเพิ่มเติมได้ตาม link ต่อไปนี้
– คู่มือฟื้นฟูบ้านหลังน้ำท่วม ที่ทุกคนต้องมี แจกฟรีโดยธนาคารกสิกรไทย ที่เรียบเรียงโดยอาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ขอรับฟรีได้ที่สาขาของธนาคารตามรายชื่อนี้ หรือติดต่อขอรับในรูปแบบไฟล์ได้คลิกที่นี่