ประเทศไทยภายในปี 2025 เมื่อเทคโนโลยีสื่อสารเคลื่อนที่ 4G/5G, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน และ Internet of Things (IoTs) สามารถเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์…พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ วาดภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแบบง่ายๆ…ลองมาดูกัน…
…ต้นทุนและราคาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่น CCTV, มือถือ, ระบบตรวจจับ, IoTs และอื่นๆ จะถูกลงมาก จนทุกคนสามารถหาซื้อใช้อย่างง่ายดายในอินเทอร์เน็ต…
…ใบขับขี่ในกระเป๋า ป้ายทะเบียนรถที่กำลังขับ เชื่อมกับ CCTV (ของรัฐและประชาชน) และเครื่องรับสัญญาณของตำรวจข้างถนน ส่งไปยังศูนย์ควบคุมอาชญากรรมและจราจร ทำให้ จนท. ตำรวจมองเห็นแบบ Realtime ซึ่งจะเกิดความปลอดภัยที่สูงขึ้น และการปราบปรามอาชญากรรมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น…
…กล้อง CCTV ที่เชื่อมต่อกับ 4G/5G ของประชาชน โดยรัฐบาลส่งเสริมรณรงค์ให้ร้านค้าบ้านเรือนทุกแห่งติดกันหมด ด้วยราคาถูกโดยส่งเสริมให้โรงเรียนอาชีวะผลิตขึ้นใช้ในประเทศเองและลดภาษีนำเข้าเทคโนโลยีที่จำเป็น เพื่อการขยายเครือข่ายเองโดยประชาชน (ด้วยคำแนะนำและส่งเสริมจากรัฐ) จึงเกิดการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นเองจากภาคประชาชน โดยรัฐลงทุนเองน้อยลง…
…ระบบการฝึกอบรมและการศึกษาออนไลน์จะได้รับการยอมรับ และรับรองวิทยฐานะเทียบเท่าการเรียนในห้องเรียน เพราะเทคโนโลยีไปถึงจุดที่ได้ทำลายอุปสรรคในด้าน เวลา สถานที่ ระยะทาง ไปเสียสิ้น และจะขจัดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในชนบท ให้เกิดความเท่าเทียมเทียบเท่าคนในเมือง…
…ตำแหน่งงานหลายตำแหน่งจะถูกยอมรับให้ทำที่บ้านหรือที่ใดก็ได้ เวลาใดก็ได้ โดยไม่ต้องเข้าสำนักงาน (work from home) แต่จะวัดผลด้วยประสิทธิภาพและผลของการทำงาน ในที่สุดการจ้างงานชั่วคราวในบุคคลากรเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก…
…การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce และ m-commerce) จะถูกพัฒนาขึ้นโดยภาคธุรกิจและประชาชน ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมจากภาครัฐ ตัวอย่างเช่น ป้าแช่มขายทุเรียนหลงลับแลข้างสถานีรถไฟที่อุตรดิตถ์ มีไลน์กลุ่มของลูกค้าทั่วประเทศ สามารถสั่งตรงป้าแช่มโดยปราศจากพ่อค้าคนกลาง ทำให้ป้าแช่มส่งทุเรียนขึ้นรถไฟส่งไปยัง กทม. และจังหวัดอื่นๆ ด้วยตัวเองได้ทุกวัน…
…หลังจากที่ร้านขนมถังแตกทรงเครื่องรถเข็น หน้า รพ. ศิริราช โฆษณาผ่าน Instagram อย่างได้ผล ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำให้ระบบโลจิสติกส์บ้านๆ กลุ่มไลน์พี่วินมอเตอร์ไซค์ รับออเดอร์จากลูกค้า ให้ไปซื้อขนมถังแตก ทั้งวัน…
…หลังจากที่เด็กหนุ่มสาวที่ทำธุรกิจขายเสื้อตลาดล่าง ทนต่อต้นทุนค่าเช่าที่ไม่ไหว ประกอบกับลูกค้าเริ่มหนีไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น จึงสร้างร้านค้าออนไลน์ ขายเสื้อผ้าออนไลน์เพื่อตัดต้นทุนค่าเช่าที่และค่าขนส่งออก และปรับกลยุทธ์เป็นการตลาดดิจิทัลเต็มรูปแบบ สุดท้ายกลายเป็นเศรษฐีน้อย…
…หลังจากที่นิตยสารชื่อดังหลายเล่มเริ่มค่อยๆปิดตัว จนเจ้าของกิจการบันเทิงขนาดใหญ่เริ่มงุนงงกับสถานการณ์ จึงเริ่มเปลี่ยนคอนเทนท์เดิมๆของตนเป็นดิจิทัล แต่เด็กๆกลุ่มเล็กๆ หลายกลุ่ม ก็เริ่มทำคอนเทนท์ที่แหวกแนว ไม่ซ้ำใคร กระแทกใจผู้เสบสื่อยุคใหม่ จนเจ้าของกิจการบันเทิงขนาดใหญ่บางรายไม่สามารถต่อสู้กับนวัตกรรมสร้างสรรค์ของเด็กยุคใหม่ได้ สุดท้ายจึงต้องปิดตัวลง…
…ขณะนี้มีคนไม่มากนักจะเชื่อว่า Social media อย่างเช่น Facebook Live และ Line TV จะมาทำลาย business model เดิมของวงการสื่อ ซึ่งก็คล้ายๆ ในอดีต ที่ไม่มีใครเชื่อว่า DVD และ cassette tape จะถูกแทนด้วย mobile streaming แต่อีกไม่นาน จะมีแอพ realtime broadcasting ที่ทรงอิทธิพลและมีประสิทธิภาพกว่าที่มีอยู่หลายเท่ามาเป็นคนเปลี่ยนเกมแบบ landslide ทั้งในวงการสื่อและการศึกษา…
…วัสดุที่ส่งผ่านคอนเทนท์ถึงผู้บริโภคจะมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จะเกิดจอบางใส คล้ายแผ่นพลาสติก พับเก็บได้ง่าย ทำหน้าที่เป็นจอทีวี แทนป้ายโฆษณาแบบเดิมๆ เชื่อมต่อกับ mobile/IoTs และเปลี่ยนรูปแบบของ billboard ซึ่งจะมีราคาถูกมาก หาซื้อได้ทั่วไป และยังตอบโต้กับผู้บริโภคได้แบบอัตโนมัติ จนจะทำให้ธุรกิจด้านโฆษณาและ creative ใหญ่ๆ ถูกท้าทายด้วยเด็กรุ่นใหม่ที่มีบริษัทเล็กๆ แต่มีหัวคิดสร้างสรรค์แบบสุดๆ ด้วยต้นทุนที่น้อยกว่ามากๆ…
…คล้ายกันกับอุตสาหกรรมธนาคารและประกันภัย ที่ผู้บริหารระดับยุทธศสตร์น้อยคนจะเห็นและเชื่อ ซึ่งมีการคาดการณ์จากนักอนาคตศาสตร์ว่า จะมี business model ใหม่ที่จะมาเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจพวกเขาได้ โดยเมื่อ IoTs, เทคโนโลยี realtime social media และ realtime broadcasting สุกงอมและประชาชนได้ใช้มันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สื่อสารขนาดเล็กติดตามตัว (wearable device) เพื่อมอนิเตอร์สุขภาพได้ 24 ชม. และวันนั้นเราจะได้คำตอบ คือ ผู้บริโภคนั่นแหละ เป็นผู้เปลี่ยนเกม…
โดยสรุป…การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล รวมไปถึงอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งของรอบตัวเรา จะไปถึงจุดที่สามารถเชื่อมโยงกันเกือบทั้งหมดได้ทุกชิ้นภายในไม่ถึง 10 ปีนับจากนี้ จนทำให้ประชาชนเองเป็นผู้วางเครือข่ายสื่อสารกันเองได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นการวางโครงสร้างพื้นฐานของโลกอนาคตจะมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยพลังอำนาจของรัฐจะถูกโอนไปยังภาคประชาชนมากขึ้นเป็นลำดับ จึงอาจกล่าวได้ว่า
“ในทศวรรษต่อไป การแชร์โครงสร้างพื้นฐานและการแชร์ข้อมูลข่าวสาร คือแนวคิดหลักของการบริหารจัดการของโลกในอนาคต และประชาชนคือจุดศูนย์กลางในการบริหารประเทศและการบริหารธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
อ่านเพิ่มเติม (เอกสารภาษาอังกฤษ)
Mobile Economy 2016
https://www.gsmaintelligence.com/research/?file=97928efe09cdba2864cdcf1ad1a2f58c&download
สรุปและวิเคระห์การบรรยายของ
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
รองประธาน กสทช.
ณ. โรงเรียนนายร้อย จปร.
23 กันยายน 2559