เก็บตกจากสัมมนาภายในงาน Thailand Zocial Awards 2016 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถิติต่างๆบนโลก Social Media ในไทยมากมาย เลยมาดูสาระที่ได้จากช่วงสัมมนาของงานนี้กัน
คุณกล้า ตั้งสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โธธ โซเชียล จำกัด กล่าวว่า หากมองย้อนอดีตไปกว่า 150 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจถูกขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน น้ำมันดิบถูกขุดขึ้นมากลั่นเป็นน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิล ใช้ในเครื่องยนต์ ใช้ในการขนส่งใช้ในการเดินทาง แต่หลังจากนั้นมีนวัตกรรมเกิดขึ้นจากน้ำมันมากมาย เรียกว่าผลิตภัณฑ์จากปิโตเลียมซึ่งมีมากกว่า 6000 รูปแบบ
แต่ตอนนี้โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะต่อไปธุรกิจจะถูกขับเคลื่อนด้วย ข้อมูล (Data) เพราะ Social Media ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตในการดำเนินชีวิตของเราเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการดำเนินธุรกิจของเราด้วย เราอาจไม่จำเป็นต้องขับรถไปประชุม หรือนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศเพื่อไปประชุม ซึ้งต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูง เราสามารถใช้ไอทีอย่าง Skype , Hangouts , Video Call ในการประชุมกันได้ ลูกค้าไม่ต้องไปที่ Shop เพื่อขอความช่วยเหลือจากแบรนด์ เพียงแค่โพสต์ไปยัง Pantip หรือ Facebook Page ของแบรนด์ เดี๋ยวแบรนด์ก็จะมาตอบเอง เราไม่จำเป็นต้องรีบกลับบ้านดูข่าวทางที่วี เพราะอยู่ที่หน้าจอมือถือของเรา ทุกที่ทุกเวลาแล้ว
Social Media เกิดจากที่คนประมาณ 1พันล้านคน ช่วยกันแชร์ข้อมูลของตัวเองออกมาในที่ที่เรียกว่า Social Media
โดยตลอดปี 2015 มีผู้คนโพสต์ข้อความสาธารณะทาง Social Media ถึง 2,600,000,000 ข้อความ คิดเฉลี่ยประมาณ 7 ล้านข้อความต่อวัน หรือ 82 ข้อความถูกแชร์และเกิดขึ้นใหม่ในทุกๆวินาที ข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นแสดงความคิดเห็น ความแสดงอารมณ์ ถ้าเราสามารถกลั่นกรองได้อย่างประสิทธิภาพ แบรนด์สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างดี
ข้อมูลที่จัดเก็บ สามารถเอาไปช่วยธุรกิจได้ใน 5 ด้านด้วยกัน
- Brand Communication เป็นข้อมูลพื้นฐานที่แบรนด์จะใช้ Social Media Data ไปเพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงใจ ตรงกลุ่มเป้าหมาย
- Product Research ใช้ Social Media Data ในการรับ Feedback ของสินค้าและบริการนั้นๆ
- Competitor Analysis เป็นภาพรวมของทั้งโครงการ หรือเฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ๆ รู้ความเคลื่อนไหวว่า ใครกำลังทำอะไรอยู่ ใครกำลังมีจุดเด่น ใครกำลังมีจุดด้อย
- Crisis management เป็นข้อมูลสำหรับภาพลักษณ์ หรือความเข้าใจผิด ที่สังคมมีต่อเรา ข้อมูลเหล่านี้จำเป็นต้องรับข้อมูลแบบ real-time เพื่อแก้ปัญหาก่อนที่จะสายเกินแก้
- Customer support ปัจจุบันคนโทรหา callcenter น้อยลง แต่โพสต์ทางออนไลน์มากขึ้น ใช้ social media ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทเข้าถึงเค้าช่วยแก้ปัญหาเค้าและสนับสนุนเค้า เพราะปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
Social Trap หลุมพรางกับดัก ที่ทุกแบรนด์พยายามจะหลีกเลี่ยง เพราะแม้จะดังได้กำไร แต่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพราะเราวางแผนไว้ผิด โดย TRAP ย่อมาจาก….
T : Too Late = ช้าต่อการตอบสนองลูกค้า เนื่องจากลูกค้าปัจจุบันมีระดับความอดทนต่อการรอได้ไม่นาน หากแบรนด์หรือธุรกิจคู่แข่งก้าวไปเร็วกว่าเพียงแค่หนึ่งก้าวก็สามารถแย่งชิงความได้เปรียบไปได้ เราก็เสียลูกค้าไปให้คู่แข่งซะแล้ว
R : Result = ผลลัพธ์ คือการมองการตลาดออนไลน์แบบตื้นเขินเกินไป ดูเพียงตัวเลขบางอย่าง เช่น ค่า Page View, Traffic, ค่า Click to Rate, ยอด Fan Page, Like เท่านั้นแต่ไม่ได้ดูข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการใช้เครื่องมือวัดผลด้านอื่นเช่น พฤติกรรมด้านอารมณ์ (Sentiment) เป็นต้น
A : Attitude = ทัศนคติที่ดื้อโซเชียลมีเดียเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ถ้าแบรนด์หรือองค์กรยังดื้อที่จะไม่ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง ก็อาจทำให้การวางแผนขององค์กรไม่ประสบความสำเร็จได้ เช่นเรื่องของการให้ความสำคัญกับค่าปฏิสัมพันธ์ (Engagement) มากกว่าค่า Fan Page Like เพราะปัจจุบัน Fan Page Like ไม่มีคุณภาพอีกต่อไปแต่ก็ยังมีบางองค์กรยึดค่าวัดนี้และซื้อขายกันโดยเสียเงินเปล่าประโยชน์
P : Praise = อวยตัวเอง เช่นการว่าจ้างเขียนถึงแบรนด์แบบไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งนี่คือกับดักที่สำคัญที่อาจรอดยากเพราะบนโลกโซเชียลสามารถจับเท็จได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นสาเหตุส่งผลให้แบรนด์พบกับดราม่าหรือ Crisis ได้
ซึ่งงานจะมีการวิเคราะห์และตีแผ่ TRAP รวมถึงรวบรวมวิธีแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆในวงการเพื่อการทำความเข้าใจและชี้ถึงเครื่องมือที่จะช่วยให้การทำตลาดออนไลน์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะนำเสนอในครั้งต่อไป
คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการบริหาร บริษัท โธธ โซเชียล จำกัด ได้เผยสรุปสถิติประชากรคนไทยที่ใช้ Social Media ในปี 2015 อัพเดตล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม 2016 มีดังนี้
- คนไทยใข้ Facebook 41 ล้านคน โตขึ้น 17% คิดเป็น 60% ของประชากรไทย ส่วน Facebook Page ไทย มีมากถึง 7 แสนเพจ
- สัดส่วนเพศชาย:หญิง ที่ใช้ facebook 21:20 เป็นปีแรกที่ผู้ชายใช้ facebook มากกว่าผู้หญิง
- twitter 5.3 ล้านราย active 1.2 ล้านคน โตขึ้น 18%
- คนไทยใช้ Instagram 7.8 ล้านคน โตขึ้น 74% มียอด Active User 1 ล้านราย
- คนไทยใช้ Line 33 ล้านคน
ไทยใช้ Facebook มากเป็นอันดับ 8 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช่วงเวลาที่คนไทยโพสต์ facebook มากที่สุด คือ
- อันดับ 1 10.00-12.00น
- อันดับ 2 13.00-16.00น.
- อันดับ 3 20.00-21.00น.
ส่วนช่วงเวลาที่คน Like แชร์และคอมเม้นต์ใน facebook มากที่สุด
- วันพุธ 9.00-16.00น.
- ช่วงเวลา 16.00 และ 20.00น. ของอาทิตย์-พฤหัส
ทั้งนี้ช่วงเวลาที่ Like แชร์และคอมเม้นต์ใน facebook น้อย คือ 5 ทุ่มถึง 8 โมงเช้า
ช่วงเวลาที่ทวีตมากสุดคือ 20.00-22.00น. โดยช่วงที่ ให้หัวใจ , retweet มากสุด คือ 20.00-23.00น.
- ช่วงเวลาที่นิยมโพสต์ Instagram นิยมโพสต์เวลา 20.00-21.00น.
- ช่วงเวลาที่คนไม่ค่อยโพสต์ Instagram คือ 00.00-09.00น.
- ช่วงเวลาที่ Engage Instagram มากสุดคือ 17.00-22.00น.
- วันที่ Instagram มีค่า Engage สูง คือวันศุกร์ 18.00-22.00น. (ช่วงไปปาร์ตี้ กินข้าว)
ความเคลื่อนไหวธุรกิจบน Social Media
กลุ่มอัตราตอบสนองดีสุดคือ
- Bank และ Finance 44,000 ข้อความ มีค่า Engagement 41.7 ล้าน
- IT & Digital โพสต์ 32,000 ข้อความ มีค่า Engagement 66 ล้าน
พฤติกรรมคนใช้ facebook ส่วนใหญ่นิยมคือ
- ความบันเทิง
- งานอดิเรกและกิจกรรม
- เทคโนโลยี
หากเป็นหมวดกีฬา จะเป็นกลุ่มผู้ชายสูง ขณะเดียวกันในหมวด Fitness นั้นจะเป็นกลุ่มผู้หญิงเยอะ