ช่วงนี้หากพูดถึงร้านกาแฟ และฟังเพลง ก็จะนึกถึงประเด็นที่ร้านกาแฟ โดนจับลิขสิทธิ์ ในข้อหาเปิดเพลงจาก Youtube ในร้าน ถูกปรับ 20,000 บาท ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่โตว่า แค่เปิดเพลงนี้ เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ ปรับเป็นเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ
โดยเหตุการณ์นี้ทราบเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2559 มีการแชร์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านนึงว่า “ผมโดนจับลิขสิทธิ์เพลง โดนแจ้งความข้อหาเปิดเพลงฟังในร้าน โดนปรับไป 20,000 บาท ฝากบอกต่อ กดไลค์กดแชร์ ไม่อยากให้ใคร โดนเหมือนผม การที่เราเปิดเพลงใน Youtube ผิดนะครับ ช่วงนี้ไม่ต้อง ฟังเพลงไทย ครับผม..” โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา
ทางด้านบริษัท GMM GRAMMY ได้ระบุถึง กรณี เปิดเพลงจาก Youtube ในร้าน ว่า “เป็นการเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ ตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ในมาตรา 27-31 ในลักษณะของการเผยแพร่สู่สาธารณะโดยไม่ได้รับการอนุญาต”
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.51 นาที ของวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 Facebook Page กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้โพสต์ตอบประเด็นเรื่องเปิดเพลงจาก Youtube ในร้านว่า กรณีนี้อาจเข้าข่ายการละเมิด
โดยมีรายละเอียดว่า “ การเปิดเพลงในร้านกาแฟ ร้านอาหาร ไม่ว่าจากสื่อใดๆ เช่น ซีดี ดีวีดี Youtube ถือเป็นการ #เผยแพร่ต่อสาธารณชน ที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน เพราะอาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์
และจากฎีกาที่ศาลได้เคยพิพากษาว่า การเปิดเพลงในร้านอาหารโดยไม่มีการเก็บค่าฟังเพลงด้วยถือว่า ไม่ได้หากำไรจากการเปิดเพลง ย่อมไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ #เป็นฎีกาเฉพาะคดีนั้น ซึ่งมีรายละเอียดข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง #ไม่อาจปรับใช้ได้กับการเปิดเพลงในร้านอาหารกรณีอื่นๆ ได้เสมอไป
#ย่อหน้านี้ก็สำคัญนะครับ
#ฝากถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือบริษัทตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจ ในสังคมไทยเราส่วนใหญ่อาจยังเข้าใจในประเด็นนี้ เพราะกฏหมายลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน จึงอยากให้วิธีการคือเข้าไปคุยเข้าไปเจรจา ให้มีการอนุญาตสิทธิ์ก่อน อย่าเพิ่งใช้วิธีการจับกุมดำเนินคดี #ผู้ประกอบการบางรายไม่ทราบ จริงๆ ก็มีนะครับ ใช้วิธีการที่อะลุ่มอล่วย ก่อนดีกว่า กับภาวะที่คนไทยยังเข้าใจไม่ตรงกันในตอนนี้
สิ่งต่างๆที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ใน social media เราอาจจะคิดว่าเป็นของฟรี แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีเจ้าของ ซึ่งการใช้ในบางลักษณะจะมีข้อยกเว้น แต่มีมากมายที่ถือว่าเป็นการละเมิด แต่เราอาจจะคิดว่า ก็ไม่เห็นมีใครมาว่าอะไร เพราะบางครั้งเจ้าของอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเจ้าของอาจจะคิดว่าถือว่าเป็นการช่วยเผยแพร่ ”
ข้อมูลจาก facebook กรมทรัพย์สินทางปัญญา สอบถามเพิ่มเติมที่ 1368