ในงาน “Startup Thailand 2016” มหกรรมการรวมตัวธุรกิจ Startup ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม อันจะนำประเทศให้สามารถพัฒนาได้รวดเร็ว ในวันที่ 28 เม.ย. – 1 พ.ค. 59 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอีกหลายกระทรวงร่วมด้วยบริษัทเอกชนมากมาย ซึ่งบริษัทหัวเหว่ย (Huawei) บริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคมและไอซีทีระดับโลกที่ก่อตั้งมากว่า 28 ปี และเริ่มเข้ามาในประเทศไทยกว่า 17 ปีแล้ว ก็เป็นผู้สนับสนุนในงานนี้ด้วย
บริษัทหัวเหว่ย (Huawei) เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญและทุ่มงบจำนวนมากกับการวิจัยและพัฒนายาวนาน โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 16 แห่ง และเชื่อมั่นว่าการสร้างนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญ จึงมีความต้องการที่จะส่งเสริม Startup ไทย ดังที่คุณ วัง อี้ฝาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเหว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์กับไอที24ชั่วโมงไว้ว่า “หัวเหว่ยเคยเป็นบริษัทเล็กๆเมื่อ 28 ปีก่อนแต่ใช้เวลาไม่นานก็เติบโตจนเป็นบริษัทผู้นำด้านไอซีทีระดับโลก หัวเหว่ยเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญและทุ่มงบจำนวนมากกับการวิจัยและพัฒนามายาวนาน และเชื่อมั่นว่าการสร้างนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ จึงพร้อมที่จะส่งเสริม Startup ไทย โดยเป็นสปอนเซอร์ให้กับการแข่งขัน pitching challenge ที่นอกจากสนับสนุนเงินรางวัลแล้ว ยังเชิญผู้ชนะไปดู Head Quarter ของหัวเหว่ยที่จีนด้วย เพื่อให้เห็นเทคโนโลยีล่าสุดและการทำ R&D ของหัวเหว่ย และเห็นตัวอย่างว่าหัวเหว่ยพัฒนาอย่างไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตอันยิ่งใหญ่ของ startup ไทยได้”
ภายในงาน Startup Thailand 2016 นอกจากจะได้พบกับการสัมนาหลากหลาย session ที่เป็นประโยชน์โดยวิทยากรจากทั้งในและต่างประเทศ, บูธของผู้ประกอบการ Startup กว่า 200 บูท, บริการให้คำปรึกษาจาก Mentor, การพบปะนักลงทุน แล้ว ยังมีบูธของค่ายมือถือ และบูธของ Huawei หนึ่งในผู้สนับสนุนงานนี้ ที่มี Solution ที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับผู้ที่จะทำธุรกิจ Startup มาให้ได้เยี่ยมชม และสามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้วย
อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีวิทยุสื่อสารบนระบบเครือข่ายบอร์ดแบนด์เฉพาะกิจ จาก Huawei อย่าง eLTE SOLUTION FOR PUBLIC SAFETY ที่สามารถสื่อสารด้วยเสียงและวีดีโอแบบความคมชัดสูงแบบ Real-time โดยใช้อุปกรณ์ Terminal ที่หน้าตาเหมือน Walkie Talkie แต่ไม่ใช่แค่สื่อสารได้ด้วยเสียงอย่างเดียว หากแต่สามารถส่งภาพวีดีโอได้ด้วย เพราะตัวเครื่องมีกล้องเพื่อถ่ายเหตุการณ์ได้ภาพวีดีโอคมชัดสูง
ซึ่งอุปกรณ์นี้เหมาะกับหน่วยงานด้านความปลอดภัยอย่างกองทัพและตำรวจ ในการสำรวจรอบเมืองว่ามีความเรียบร้อยหรือไม่ หรือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ภัยพิบัติ การสื่อสารอื่นๆล่มหมด ใช้โทรศัพท์หรืออินเทอร์เนตไม่ได้ ก็นำอุปกรณ์ชุดนี้ลงไปติดตั้งในพื้นที่ โดยจะมีเครื่องกระจายสัญญาณ Rapid eLTE ไปวางเพื่อกระจายสัญญาณไปยังลูกข่ายที่เรียกว่า Terminal รวมถึงโดรนถ่ายภาพมุมสูงด้วย แล้วภาพที่ถ่ายจากโดรน หรือวีดีโอที่ถ่ายจากอุปกรณ์ Terminal ที่หน้าตาเหมือน Walkie Talkie นี้ก็จะถูกส่งไปยังศูนย์กลาง เพื่อรายงานสภาพต่างๆสดๆไปยังเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์กลางได้ด้วย โดยอุปกรณ์ชุดนี้ถูกออกแบบให้มีความทนทานสูง กันกระแทก กันน้ำ กันฝุ่น
และยังมี Unified Command Solution ที่สามารถรวมแหล่งทุกอย่างอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพและเสียงจากอุปกรณ์ Terminal (ที่เหมือน Walkie Talkie) ภาพจากกล้องโดรน และภาพจากกล้องวงจรปิด CCTV มารวมกันได้ ผู้ควบคุมที่มีหน้าที่สั่งการ ก็สามารถทราบเหตุการณ์แบบรอบด้านแบบ Real-Time ตัดสินใจสั่งการอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีมีส่วนที่ช่วยในเรื่องความปลอดภัยภายในเมืองและชุมชน รับมือเหตุฉุกเฉินได้ทันท่วงที
ตัวระบบนี้เป็น Open Platform ที่เปิดโอกาสให้ Startup ได้ร่วมพัฒนาต่อยอดจากระบบเดิมให้มีความสามารถมากขึ้น ซึ่งมีความพร้อมทั้ง API , SDK และเครื่องมือต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้ Startup ไทยสามารถเข้ามาสร้างโอกาสต่อไปได้
แถมท้ายด้วยสมาร์ทโฟน Huawei หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mate 8 , G7 Plus , GR5 และนาฬิกาอัจฉริยะ Huawei Watch ก็มีมาให้ได้ทดลองเครื่องภายในบูธของหัวเหว่ยในงาน Startup Thailand ด้วย
Update :
ในวันที่ 30 เมษายน 2559 การแข่งขัน Pitching Challenge ในงาน Startup Thailand ก็ได้ผู้ชนะรับรางวัลเรียบร้อยแล้ว โดย
- รางวัลชนะเลิศ อันดับที่ 1 ได้แก่ “TakeMeTour”
- รางวัลชนะเลิศ อันดับที่ 2 ได้แก่ “WashBox24”
- รางวัลชนะเลิศ อันดับที่ 3 ได้แก่ “Choco Card Enterprise”
- รางวัลชมเชย 3 รางวัล ได้แก่ “Seekster” , “Meditech” , “Glazziq”
- รางวัลขวัญใจประชาชน ได้แก่ “InfinitiesSoft Solution”
ซึ่งผู้ได้รับรางวัลเหล่านี้ยังจะได้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยของหัวเหว่ย ณ สำนักงานใหญ่ที่จีนอีกด้วย