แนวทางการกำกับดูแล Fintech : กรณีศึกษาเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
บทความโดย พ.อ. ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
ประธาน กทค. และรองประธาน กสทช.
Fintech ไม่ได้เป็นแนวโน้ม แต่ Fintech ได้แสดงถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการเงินและการธนาคาร ทำให้มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากอดีต เกิดสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนจากการผสมผสานนวัตกรรม การเงิน และการกำกับดูแลที่ต้องมีการกำหนดกรอบการดำเนินงานแบบใหม่ ซึ่งสภาพแวดล้อมดังกล่าวมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และหน่วยงานกำกับดูแลจะต้องคอยเฝ้าติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
“FinTech” คืออะไร
FinTech มาจากคำว่า FINancial TECHnologies หมายถึง เทคโนโลยีการเงิน ซึ่งหมายถึงการปฏิสัมพันธ์ที่สะดวกรวดเร็วขึ้น ระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ โดยอุตสาหกรรมต่างๆนั้นมีการผสมผสานการใช้เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม และการให้บริการด้านการเงิน หรืออาจกล่าวได้ว่า FinTech แสดงถึงเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรม ในโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงิน ผลิตภัณฑ์ บริการ และการกระจายสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ทำไมต้องมีการกำกับดูแล?
อุตสาหกรรมด้านการเงิน เป็นอุตสาหกรรมที่จะต้องมีกฎเกณฑ์ในการควบคุม ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงทั้งต่อระบบธนาคาร และภาคประชาชน นวัตกรรมทำให้รูปแบบผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และกระบวนการแบบดั้งเดิม มีการเปลี่ยนแปลงและมีผู้ประกอบการใหม่ๆเข้าสู่ตลาดมากขึ้นและง่ายขึ้น ซึ่งจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ด้วยเช่นกัน
ผู้เกี่ยวข้อง (The key players)
ผู้ดำเนินการด้าน FinTech ที่เป็นหลัก มีดังนี้
- กลุ่มผู้ริเริ่มด้านนวัตกรรม
- ผู้ประกอบการใหม่ๆ อย่างเช่น ในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และอินเทอร์เน็ต
- ผู้ประกอบการรายเดิม สถาบันการเงินที่ใช้ FinTech เพื่อส่งมอบบริการที่ดี และเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้ามากขึ้น
- หน่วยงานกำกับดูแลจะใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ เพื่อทำให้กระบวนการกำกับดูแลที่มีอยู่สมบูรณ์มากขึ้น มีการระบุความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การให้ความสำคัญกับความเสี่ยง การควบคุม และการวิเคราะห์ข้อมูล อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) ในฮ่องกง ต่างระบุว่าแอพพลิเคชั่นด้านข้อมูลข่าวสาร และเทคโนโลยีการสื่อสารในการบริการด้านการเงินมีความสำคัญมาก มีธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority : HKMA) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินในฮ่องกง ที่มีหน้าที่ในการกำหนดและพัฒนากรอบการดำเนินงานด้านการกำกับดูแล
กลุ่มผู้นำด้าน Fintech ยังได้อธิบายว่าปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนา FinTech ในฮ่องกงอย่างยั่งยืน ได้แก่ การสนับสนุน การส่งเสริม การกำกับดูแล จินตนาการสร้างสรรค์ และเงินทุน
จะเห็นได้ว่า การกำกับดูแล เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ เพราะการกำกับดูแลสามารถพัฒนา ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยี และช่องทางในการเสริมสร้างความเข้าใจด้านสภาพแวดล้อมของการกำกับดูแลในธุรกิจด้าน FinTech โดยหน่วยงานกำกับดูแลจะต้องมีการวางรากฐานอย่างมีประสิทธิภาพ
การกำกับดูแล
ความท้าทายสำหรับหน่วยงานกำกับดูแล คือการหาความสมดุลระหว่างการพัฒนา FinTech และการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น และความพร้อมในการใช้นวัตกรรม ในสภาพแวดล้อมทางการเงิน สรุปก็คือ ตำแหน่งของหน่วยงานกำกับดูแล เสถียรภาพทางการเงิน สภาพคล่อง และการควบคุมที่เพียงพอเหมะสม ของผู้ฝากเงินและนักลงทุน จะมีความเท่าเทียมกัน ทั้งรายเก่าและรายใหม่
การกำหนดขั้นตอนในการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ภายในวันเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ และนำแนวทางการกำกับดูแลใหม่ๆมาใช้ และมีการควบคุมกรอบการดำเนินงานให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง
ขั้นตอนแรก คือการดำเนินงานของทุกกลุ่ม และการให้คำปรึกษา ขั้นตอนที่สอง คือนำผลจากการดำเนินงานในขั้นตอนแรกมาดำเนินการทำ action plan
การดำเนินการของ The Hong Kong Monetary Authority ประกาศจัดตั้ง Fintech Facilitation Office (FFO) ในวันที่ 21 มีนาคม 2559 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาที่ดีของระบบนิเวศ Fintech ในฮ่องกง และส่งเสริมให้ฮ่องกงกลายเป็น Fintech hub ในเอเชีย โดย FFO ทำหน้าที่เป็น
- เวทีแลกเปลี่ยนความคิด
- เชื่อมต่อระหว่างผู้มีส่วนร่วมในตลาดกับหน่วยงานกำกับดูแล
- ริเริ่มทำวิจัยในอุตสาหกรรม
ในการพัฒนา Fintech ต้องอาศัยเครื่องมือดิจิทัล เพื่อเป็นการเชื่อมต่อระหว่างผู้ประกอบการและผู้สร้างนวัตกรรม ทำให้สามารถระบุแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น และสามารถเน้นจุดสำคัญของ Fintech ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเกิดมุมมองด้านนวัตกรรม เครื่องมือดิจิทัลดังกล่าวจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้บริษัท Fintech ต่างๆ มีศักยภาพในการแก้ปัญหาทางธุรกิจ และสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กรได้ในที่สุด
สถานการณ์ทั่วโลก
อย่างไรก็ตามประเด็นคำถามเกี่ยวกับกรอบการกำกับดูแล ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในฮ่องกง หรือในเอเชียเท่านั้น แต่ได้เกิดขึ้นทั่วโลก ผู้ที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เกิดโอกาสใหม่ ในการกำหนดและเตรียมการสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ โดยผู้กำหนดนโยบายจะต้องตรวจสอบการพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สภาพแวดล้อมด้านการกำกับดูแลมีเสถียรภาพ ที่จะทำให้ระบบการเงินมีความปลอดภัย และเมื่อมีผู้ประกอบการในตลาดมากขึ้น ก็ยิ่งมีความสำคัญที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าผู้ประกอบการแต่ละรายในตลาดจะสามารถให้บริการด้านการเงินที่สอดคล้องกับกฎระเบียบ ของหน่วยงานกำกับดูแล
ดังนั้น เราจะต้องมองวิวัฒนาการของตลาด ก่อนที่จะประเมินว่าหลักการกำกับดูแลควรเป็นไปในทิศทางใด วิธีการใหม่ๆจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องในตลาดเกิดความมั่นใจกับกฎหมายได้หรือไม่ และการกำกับดูแลจะทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมได้ โดยปราศจากอุปสรรคด้านเสถียรภาพทางการเงินหรือไม่ และที่สำคัญ กฎหมายและกฎระเบียบของการกำกับดูแลจะต้องไม่ขัดขวางต่อการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินอีกด้วย