อินเทอร์เน็ต แนวรบแห่งใหม่บนโลกไซเบอร์
บทความโดย พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม และรองประธาน กสทช.
—————————-
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งถือว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ และเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโดยเริ่มพัฒนาในฐานะโครงการของรัฐบาลในช่วงปลาย ค.ศ. 1960 ซึ่งเป็นโครงการวิจัยเพื่อการป้องกันประเทศระดับสูง (Defense Advanced Research Project Agency Network – DARPA Net) หลังจากนั้นได้มีการใช้งานขยายต่ออย่างรวดเร็วไปทั่วโลกและไม่มีวี่แววว่าการพัฒนาด้านอินเทอร์เน็ตจะหยุดยั้งลง เป็นเรื่องที่ดูจะน่าประหลาดใจอยู่ว่าอินเทอร์เน็ตได้ถูกพัฒนาคิดค้นขึ้นเพื่อการประเทศของสหรัฐฯ แต่กลับกลายเป็นการสร้างภัยคุกคามให้แก่สหรัฐฯ อย่างหนักหน่วงเสียเอง คือขั้นที่สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) ของสหรัฐฯ ได้เสนอรายงาน Council Special Report No.56, September 2010 โดย Robert K. Knake เรื่อง ‘Internet Government in an Age of Cyber Insecurity’ ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านดูชื่อหัวข้อดีๆ ไม่ใช่ Cyber Security แต่กลายเป็น Cyber Insecurity ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบในเชิงลบของอินเทอร์เน็ตที่มีผลต่อประเทศสหรัฐฯ อย่างรุนแรง ที่ยังคงเป็นปัญหาที่ปวดหัวอย่างมากสำหรับสหรัฐฯ ทำให้ผู้เขียนได้นึกถึงหนังแนว Sci–Fi ที่มนุษย์สร้างหุ่นยนต์ให้มาเป็นทาสรับใช้ แต่การพัฒนาถึงขีดที่หุ่นยนต์สามารถพัฒนาตัวเองได้กลับมาทำลายมนุษย์เสียเอง การที่ประเทศมหาอำนาจ ‘เอาไม่อยู่’ ในบริบทความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จนทำให้เกิดคำว่า ‘Internet Governance’ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า ‘อภิบาลอินเทอร์เน็ต’ ซึ่งเป็น Keyword สำคัญของรายงานฉบับดังกล่าว โดยเนื้อหามุ่งเน้นไปยังการเปลี่ยนแนวคิดในการกำกับดูแล Cyberspace ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอินเทอร์เน็ตและมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือกัน (Engagement) ในระดับนานาชาติ เพื่อหาหนทางในการหยุดยั้งอาชญากรรมไซเบอร์ (Cyber crime) และการโจมดีทางไซเบอร์ (Cyber attack)
ในรายงานฉบับดังกล่าวได้ระบุถึงความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางไซเบอร์มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี อีกทั้งยังมีการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีความรุนแรงและมีความถี่สูงขึ้น เช่น เหตุการณ์ใน Estonia, Georgia, และ Kyrgyzstan เป็นต้น โดยการโจมตีมีแนวโน้มที่จะโจมตีเป้าหมายที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ (Critical Infrastructure) เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบนิวเคลียร์ ระบบโทรคมนาคม และระบบขนส่งมวลชน เป็นต้น
อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือการก่อตั้งกลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อว่า ‘Syrian Electronic Army’ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีซีเรีย (Bashar al – Assad) กลุ่มแฮกเกอร์กลุ่มนี้จะมีเป้าหมายโจมตีไปที่กลุ่มที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของรัฐบาล สื่อมวลชนตะวันตก กลุ่มปกป้องมนุษยชน และยังเข้าโจมตีในรูปแบบ Cyber attack เพื่อทำการจารกรรมประเทศตะวันออกกลางและยุโรป รวมทั้งบริษัทที่ทำงานให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ อีกด้วย
สรุป
ภัยคุกคามทาง Cyber จึงเป็นภัยคุกคามที่มีความรุนแรงและเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของทุกประเทศ จึงทำให้เริ่มมีการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศมากขึ้น โดยแต่ละประเทศได้มีการดำเนินการวางยุทธศาสตร์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (National Cybersecurity Strategy) ซึ่งประเทศไทย คงต้องเร่งดำเนินการในรูปแบบที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมของชาติ โดยสามารถศึกษาจากการดำเนินการของประเทศต่างๆ แล้วนำมาประยุกต์ปรับใช้ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ประเทศสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติท่ามกลางแนวรบใหม่บนโลกไซเบอร์ได้อย่างยั่งยืน ต่อไป
แนะนำแหล่งข้อมูลอ่านเพิ่มเติม
– Syrian Electronic Army : https://en.m.wikipedia.org/wiki/Syrian_Electronic_Army
– Council Special Report No.56, Sept. 2010 :
http://www.cfr.org/content/publications/attachments/Cybersecurity_CSR56.pdf
—————————
เกี่ยวกับผู้เขียน
Col. Settapong Malisuwan
Ph.D. in Telecom. Engineering
D.Phil. (candidate) in Cybersecurity Strategy and Management
MS. in Mobile Communication
MS. in Telecom. Engineering
BS. in Electrical Engineering
Cert. in National Security (Anti-terrorism program)
Cert. in National Security (Defense Resource Management)
Cert. in National Security (Streamlining Gov.)