ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นอกจากอุปกรณ์การสื่อสารกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้ว เทคโนโลยีด้านความบันเทิงอย่างการรับชมภาพยนตร์ก็พัฒนาตามยุคอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จากภาพยนตร์ระบบฟิล์มที่ถูกใช้กันมา ก็ถูกแทนที่เกือบสมบูรณ์แบบด้วยระบบดิจิตอล ในขณะเดียวกันก็มีภาพยนตร์ในระบบหนึ่งที่เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมาในช่วงหลายปีมานี้ และในประเทศไทยก็ให้ความสนใจกับภาพยนตร์ระบบนี้มากขึ้น นั่นก็คือภาพยนตร์ในระบบ IMAX
IMAX คือ ระบบภาพยนตร์โดยบริษัท IMAX Corporation ประเทศแคนาดา คำว่า IMAX ย่อมาจาก Image Maximum แสดงถึงขนาดที่ใหญ่ของภาพในการรับชมภาพยนตร์ โดยเราใช้คำว่า IMAX เป็นชื่อเรียกของโรงภาพยนตร์ ฟิล์มภาพยนตร์ กล้องที่ใช้ในการถ่ายทำ ตลอดจนอุปกรณ์การฉาย ซึ่งจะแตกต่างจากภาพยนตร์ในระบบปกติทั่วไป
การฉายในโรงภาพยนตร์ระบบ IMAX จะถูกฉายบนจอขนาดใหญ่ (ในประเทศไทยโรงภาพยนตร์ IMAX มีความสูงตั้งแต่ 14- 21 เมตร) โดยการฉายจะใช้เครื่องฉายสองตัวฉายลงบนจอเดียว ทำให้ภาพที่ได้รับชมจะมีความเข้มและความสว่างที่สูงกว่าปกติ สามารถฉายได้ทั้งในแบบ 3D และ 2D หากเป็นแบบ 3D การสร้างภาพสามมิติจะไม่เกิดอาการภาพกระพริบและภาพก็จะมีความสว่างสูงกว่าสามมิติในระบบอื่นๆ ซึ่งภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เข้าฉายจะต้องผ่านการผ่านการปรับปรุงคุณภาพภาพและเสียงจากจาก IMAX Corporation จึงจะสามารถฉายได้ และนอกจากภาพที่ใหญ่กว่าปกติแล้ว ระบบเสียงก็จะมีความกระหึ่มกว่าปกติ ด้วยระบบเสียงมาตรฐานของ IMAX ที่ 14000-16000 วัตต์ โดยลำโพงของ IMAX จะมีความพิเศษที่การวางลำโพงขนาดใหญ่อยู่หลังจอภาพยนตร์ ซึ่งลำโพงทุกตัวจะถูกตั้งทิศทางเสียงให้มีความแม่นยำที่สุดโดยใช้แสง Laser ทำให้ได้เสียงรอบทิศทางที่สมจริงเป็นธรรมชาติและชัดเจน รวมถึงมีกล่อง sub-bass ที่ทรงพลังจำนวนมากทำให้เสียงกระหึ่มจนที่นั่งสั่นไหว
การถ่ายทำภาพยนตร์ในระบบ IMAX จะถ่ายทำด้วยฟิล์มขนาดใหญ่และมีความแข็งแรงมาก โดยใช้ฟิล์มขนาด 70 มม. ซึ่งมีความละเอียดเมื่อสแกนฟิมล์เป็นไฟล์ดิจิตอลสูงถึง 170 ล้านพิกเซล หากเป็นภาพยนตร์ทั่วไปจะใช้ฟิล์มขนาด 35 มม. โดยกล้องที่ใช้ถ่ายทำก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน ทำให้การถ่ายภาพยนตร์ในระบบ IMAX ไม่เป็นที่นิยม ส่วนมากแล้วกล้อง IMAX จะใช้ในการถ่ายทำสารคดี จนกระทั่งผู้กำกับ Christopher Nolan ถ่ายทำบางฉากในภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight ด้วยกล้อง IMAX ระบบฟิล์ม ทำให้ IMAX เกิดเป็นกระแสนิยมมากขึ้น
แต่ในปัจจุบันก็มีกล้อง IMAX ดิจิตอลที่มีขนาดเล็กลง ใช้ถ่ายทำได้ง่ายกว่าระบบฟิล์ม ซึ่งก็มีภาพยนตร์ที่ใช้กล้อง IMAX ดิจิตอลในการถ่ายทำ เช่นภาพยนตร์เรื่อง Transformer : Age of Extinction เป็นต้น โดยทั้งฟิล์มและดิจิตอลก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วทั้งกล้องและเครื่องฉายระบบดิจิตอลนั้นมีขนาดที่เล็ก และสะดวกในการถ่ายรวมถึงการฉายกว่ามาก แต่ทั้งนี้ทั้ง 2 ระบบก็มีข้อแตกต่างกันในด้านสัดส่วนของภาพ
IMAX ระบบฟิล์ม ภาพที่ฉายจะอยู่ที่สัดส่วนสูงสุดที่ 1.44:1 เป็นสัดส่วนของ IMAX แบบเต็มจอ ส่วน IMAX ระบบดิจิตอล จะฉายสัดส่วนสูงสุดที่ประมาณ 1.9:1 (แต่ในอนาคตจะมีการอัพเกรดเครื่องฉายระบบดิจิตอลให้สามารถฉายได้ที่สุดส่วนสูงสุด 1.44:1 ได้เช่นเดียวกับระบบฟิล์ม ) ซึ่งจอภาพยนตร์โดยทั่วไปจะฉายที่สัดส่วน 2.4:1 ดังนั้นการชมภาพยนตร์ในระบบฟิล์ม บางฉากที่ถ่ายด้วยกล้อง IMAX ก็จะสามารถเห็นภาพได้เต็มตากว่า ภาพที่ฉายจะไม่ถูกตัดสัดส่วนบนล่างออก ในประเทศไทยโรงภาพยนตร์ IMAX ในระบบฟิล์ม 70 มม.มีอยู่ที่เดียว คือที่ Paragon Cineplex ส่วนอีก 4 สาขาคือ เมเจอร์รัชโยธิน เมเจอร์ปิ่นเกล้า เมเจอร์เซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่ และที่หาดใหญ่ซีนีเพล็กซ์เป็นระบบ IMAX ดิจิตอล ผู้กำกับที่ยังคงนิยมการถ่ายด้วย IMAX ระบบฟิล์มก็คือ Christopher Nolan โดยภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่จะเข้าฉายในระบบนี้ก็คือเรื่อง Interstellar ซึ่งมีบางฉากที่ถ่ายด้วยกล้อง IMAX ระบบฟิล์ม
นอกจากการถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX แล้ว ในระยะหลังมีการนำภาพยนตร์ในระบบปกติมารีมาสเตอร์เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ IMAX ซึ่งเราเรียกภาพยนตร์ลักษณะนี้ว่า IMAX DMR (Digital Re – mastering) ซึ่งก็คือการปรับปรุงคุณภาพ ภาพและเสียง ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น จากเดิมที่ภาพยนตร์ทั่วไปถ่ายทำมาให้เหมาะสมกับการฉายในโรงภาพยนตร์ปกติ ก็จะถูกกระบวนการ IMAX DMR ปรับปรุง ให้เหมาะสมกับการฉายในโรงภาพยนตร์ IMAX ซึ่งมีระบบการฉายที่แตกต่างจากปกติทั่วไป
แม้ว่าการชมภาพยนตร์ เราจะได้รับความบันเทิงจากตัวตัวภาพยนตร์เองแล้ว แต่เทคโนโลยีในการสร้างภาพยนตร์ตลอดจนการนำฉายก็มีส่วนสำคัญที่สามารถเพิ่มอรรถรสให้ผู้ชมได้เช่นกัน ระบบ IMAX ก็เป็นภาพยนตร์อีกระบบหนึ่งที่ถูกพัฒนาเรื่อยมา และผู้กำกับภาพยนตร์หลายคนได้หยิบเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาใช้เพื่อเพิ่มเติมความบันเทิงให้ผู้ชมอย่างเรา
ข้อมูลจาก IMAXClubThailand , IMAX , Major Cineplex