หลังจากที่ทางกสทช.ดีเดย์ 18 มกราคม ห้ามกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงินมือถือพรีเพด และมติ กทค. เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ได้กำหนดเงื่อนไขการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงิน จากข่าวที่ IT24hrs ได้นำเสนอไปแล้ว แต่ 3 ค่ายยังติดปัญหาด้านเทคนิค แม้ว่าทางกสทช.จะมีการตรวจสอบการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงินตามศูนย์บริการของผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 ค่ายแล้วก็ตาม เวลาผ่านไป 1 เดือน ล่าสุดได้ข้อสรุปในการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงินแล้ว
จากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ใช้ว่า บัตรเติมเงินจะไม่มีวันหมดอายุ เติมเงินแล้วไม่มีวันหมดอายุตลอดไป ในความเป็นจริงแล้ว ตามประกาศประกาศ กทช. เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ในข้อ 11 มีข้อยกเว้นในการยืดหยุ่นให้ผู้ประกอบการได้ยื่นคำขอต่อ กสทช. เพื่อขอความเห็นชอบในการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงินได้ ล่าสุดมีข้อสรุปว่า เนื่องจากผู้ให้บริการจำเป็นต้องชำระค่าบริการรักษาเลขหมายให้กับ กสทช. หากบัตรเติมเงินไม่กำหนดวันหมดอายุ แต่ผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน ไม่มีการเติมเงินเลย ต้นทุนจะตกเป็นภาระของผู้ให้บริการเช่นกัน รวมทั้งกสทช. ไม่สามารถตรวจสอบสถานะของการใช้งานหมายเลขได้ หากไม่มีการใช้งานหมายเลขนั้นแล้ว กสทช.ก็จะสามารถหมุนเวียนหมายเลขกลับมาให้ผู้ใช้บริการคนอื่นๆ ใช้งานได้ ทำให้ต้องจัดสรรหมายเลขเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ
ข้อสรุปของการกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงิน
- ไม่ว่าจะเติมเงินในมูลค่าเท่าใด (ขั้นต่ำตามช่องทางที่เติมเงินได้คือ 10 บาท) ก็จะต้องได้วันใช้งานไม่น้อยกว่า 30 วัน
- เติมเงินทุกมูลค่า ไม่ว่าจะเป็น 10 – 20 – 30 บาท ก็สามารถใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 30 วัน และเงินที่คงเหลืออยู่ยังไม่ได้ใช้ ไม่ได้หายไปไหน สามารถสะสมทบรวมไปเรื่อยๆได้อย่างน้อย 365 วัน
- เมื่อเลิกสัญญาระหว่างกัน ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินค่าบริการที่เหลือในระบบให้ผู้ใช้บริการ หรือโอนค่าบริการที่ชำระล่วงหน้าไปสู่หมายเลขอื่นที่อยู่ในโครงข่ายเดียวกันก็ได้
- หากพบว่าเติมเงินแล้วยังไม่เข้าเงื่อนไขตามข้อกำหนดนี้ ให้แจ้งผู้ให้บริการเพื่อขอรับเงื่อนไขนี้ หรือร้องเรียน กสทช. โทร 1200
ดังนั้น ผู้ใช้มือถือแบบเติมเงิน ไม่ต้องกังวลใจเรื่องวันหมดอายุ เนื่องจากไม่มีการกำหนดจำนวนมูลค่าการเติมเงินที่จำกัดวันอีกต่อไป ขอเพียงเติมเงินในทุกมูลค่า ก็จะมีวันใช้งานเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 30 วัน ชัดเจนว่าต่อไปนี้ เติมเงินมูลค่าเท่าไหร ก็จะได้วันไม่น้อยกว่า 30 วัน ดังนั้น หากต้องการใช้หมายเลขต่อไป เพียงมีการเติมเงินมูลค่าใดก็ได้วันใช้งานเพิ่มแล้วอีกอย่างน้อย 30 วัน โดยขณะนี้ทรูมูฟ และเอไอเอสได้ดำเนินการตามข้อกำหนดแล้ว ส่วนดีแทคกำลังอยู่ในช่วงดำเนินการ
และเนื่องด้วยเรื่องนี้ ถึงแม้จะมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ประชาชนจำนวนมากยังไม่ทราบ หรือยังเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่…..เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จึงได้มีการจัดงาน “จิบกาแฟรวมพลคนพรีเพดเมืองไทย เติมตังค์อย่างไรเงินไม่หาย” ที่สตูดิโอแบไต๋ ไฮเทค ชั้น 4 ดิจิตอล เกตเวย์ โดยคุณหนุ่ย พงษ์สุข หิรัญพฤกษ์ ดำเนินรายการ และเชิญ พอ.รศ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ และตัวแทนจาก 3 ค่ายโอเปอเรเตอร์ มาให้ข้อมูล ไขข้อข้องใจเรื่องการเติมเงิน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้เข้าฟังซักถาม
มีประเด็นคำถามเรื่องของการเติมเงินที่น่าสนใจหลายข้อ โดยมีการตอบข้อซักถามจาก กสทช. อย่างเช่น การกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงิน ทำไมกำหนด 30 วัน ทำไมไม่ให้วันใช้งานเป็นปี หากผู้ใช้มีการใช้งานเป็นประจำ โอเปอเรเตอร์ไม่ได้อยากกำหนดวันหมดอายุ หากแต่กำหนดไว้เพื่อให้มีการ active ใช้งานในปัจจุบัน เพื่อให้ทราบสถานะของเลขหมาย หากไม่มีการใช้งานก็จะได้ดึงหมายเลขกลับมาเวียนใช้งานได้ใหม่ เพราะมีเบอร์ที่ซื้อแล้วไม่ถูกใช้งาน ทำให้เบอร์ในระบบจาก 118 ล้านเลขหมาย ถูกใช้จริงเพียง 83 ล้านเลขหมาย และท้ายที่สุด กสทช.ย้ำว่า หมายเลขโทรศัพท์ที่เราใช้งาน หากเราบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ ก็จะอยู่คู่กับเราไปตลอด แต่หากเราไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็ปล่อยให้หมุนเวียนกลับมาให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ร่วมกัน
นับจากนี้เป็นต้นไป การเติมเงินมือถือ มูลค่าเท่าใด ก็จะต้องได้วันเพิ่มเป็นอย่างน้อย 30 วันต่อการเติมเงิน 1 ครั้ง (ไม่ว่าจะเติมกี่บาทก็ตาม) หากผู้ใช้เติมเงินแล้วพบว่า มือถือเติมเงินของตน ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้อสรุปของการกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินที่กล่าวไปข้างต้น สามารถโทรไปที่ call center ของเครือข่ายนั้นๆเพื่อขอรับเงื่อนไขใหม่นี้ได้ (โดยไม่ต้องเปลี่ยนซิม) หรือหากร้องเรียนแล้วไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ให้แจ้งร้องเรียน กสทช. โทร 1200 ได้
แล้วท่านผู้อ่าน คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง? มาร่วมกันแชร์ บอกต่อ และแสดงความคิดเห็น (ที่ comment ด้านล่าง) กันจ้า