ภัยบนออนไลน์เกี่ยวกับการแฮคขโมยเงินในไทย เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่ การติดตั้งแอพธนาคารปลอม หรือการขโมย OTP , การขโมยรหัสผ่านบัตรเครดิตผ่านทางตู้ ATM , แก็งคอลเซนเตอร์ , จดหมายจากธนาคารปลอม Phishing , Copy บัตร ATM และ SMS ปลอมหลอกเหยื่อให้โอนเงิน ที่ทำให้ผู้ใช้บริการธนาคารเงินหายเดือดร้อนกันแล้ว จนตอนนี้ขึ้นกระทู้แนะนำจากเว็บไซต์ Pantip หลังมีผู้เสียหาย โพสเตือนและร้องเรียนถึงธนาคารแห่งหนึ่ง ในเว็บ Pantip ในวันเดียวกัน ถึง 4 กระทู้ติดต่อกัน และรวมมูลค่าเงินที่หายแล้ว หลายแสนบาท และจากทู้ดังกล่าวนี้มีการแชร์บอกต่อผ่านทาง facebook และ twitter อย่างรวดเร็ว
โดยกรณีหนึ่ง จากผู้ใช้บริการธนาคารออนไลน์ เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม พบอีเมล์แจ้งว่ามีการโอนเงินข้ามธนาคารไป 6 ครั้ง 300,000 บาท เข้าบัญชีของคนอื่นทั้งๆโดยเจ้าของบัญชีจริงไม่รู้จักด้วย เจ้าของบัญชีซึ่งเป็นผู้เสียหายรีบโทรไปยังธนาคารเพื่อแจ้งระงับบัญชี ในช่วงก่อนเกิดเหตุเค้าทำรายการโอนเงิน 1,000 บาทผ่าน ธนาคารออนไลน์แห่งหนึ่งเมื่อตอนประมาณ 11โมงเช้า ซึ่งลูกค้าคนนี้ใช้บริการธนาคารออนไลน์ในการเป็นบัญชีเงินฝาก , กู้ซื้อบ้าน , ซื้อกองทุน , ทำประกันชีวิต
อีกกรณีนึงเป็นลูกค้าที่ใช้บริการ ATM โดยไปกับพี่สาวของเค้า ดูงานหนังสือ มีsms เข้ามาที่มือถือ 3 ครั้งติดว่าได้มีการถอนเงินออกไป 3 ครั้งๆ 10030, 10030 และ 3030 ตามลำดับ โดยที่บัตร atm ก็ยังอยู่กับพี่สาว และไม่ได้มีการกดเงินใดๆ พี่สาวเค้าซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ติดต่อไปยัง call center ของธนาคาร เผื่อทำการตรวจสอบ ปรากฏว่าเงินได้ถูกกดออกไปจริงๆ ที่ตู้ atm ธนาคารแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสงขลา หาดใหญ่ ทั้งๆที่บัตรกับตัวพี่สาวซึ่งเป็นผู้เสียหายก็ยังอยู่ที่กรุงเทพด้วย
จากกระทู้ลักษณะนี้เป็นภัยใกล้ตัวที่กำลังเป็นประเด็นร้อนซึ่งตอบยากมากว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อลูกค้า กรณีเงินหายไปจาก ATM หรือ ธนาคารออนไลน์ หากกรณีตามจับโจรไม่ได้
วันนี้เรารวบรวมวิธีป้องกันอย่างไร ? ให้คุณใช้งาน ATM หรือธนาคารได้อย่างปลอดภัยและ ป้องกันเงินในบัญชีธุรกรรมการเงินหาย แม้เนื้อหาจะดูยาว แต่นั่นคือเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องรู้และไม่พลาดที่จะอ่านเพราะภัยนี้ใกล้ตัวมากขึ้นทุกทีแล้ว
การเลือกใช้เครื่อง ATM
- หากเป็นไปได้ คุณควรเลือกใช้เครื่องเอทีเอ็ม ที่คุณเคยใช้อยู่เป็นประจำ หรืออย่างน้อยเลือกใช้เครื่องที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย
- สังเกตบริเวณที่ตั้งเครื่องเอทีเอ็ม ก่อนที่จะเข้าไปใช้เครื่อง หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหากเห็นว่ามีบุคคลน่าสงสัยอยู่ในบริเวณ
- หลีกเลี่ยงการเปิดกระเป๋าถือ หรือกระเป๋าเงินระหว่างที่รอคิวใช้เครื่อง เตรียมบัตรเอทีเอ็ม ของคุณให้พร้อมก่อนใช้เครื่อง
- สังเกตดูที่เครื่องว่ามีการถูกดัดแปลงหรือไม่ เช่นดูว่าบริเวณที่สอดบัตรหรือบริเวณคีย์บอร์ด มี อุปกรณ์แปลกปลอมติดอยู่หรือไม่ หากสังเกตเห็นอุปกรณ์แปลกปลอม คุณไม่ควรใช้เครื่องเอทีเอ็มนั้น นอกจากนี้คุณควรดูว่าบนหน้าจอเครื่องแสดงข้อความแนะนำการใช้เครื่องที่ผิดไปจากข้อความที่คุณเคยใช้บริการ หากคุณสงสัยว่าเครื่องเอทีเอ็ม นั้นถูกดัดแปลง คุณควรใช้เครื่องเอทีเอ็มเครื่องอื่นรวมทั้งแจ้งให้ทางธนาคารเจ้าของเครื่องทราบ
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องเอทีเอ็มที่มีข้อความหรือป้ายที่แจ้งเตือนว่า ข้อความแนะนำการใช้เครื่องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อความถูกติดเหนือช่องรับบัตร เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายที่จะติดข้อความหรือป้ายประกาศใดๆ บนเครื่องโดยเฉพาะกรณีที่มีการดัดแปลงเครื่อง
- ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเมื่อมีคนแปลกหน้าเสนอตัวเข้ามาช่วยคุณในขณะที่คุณกำลังใช้เครื่อง แม้ว่าคุณกำลังมีปัญหาอยู่ เช่นบัตรติด หรือมีปัญหาการทำรายการต่างๆ รวมทั้งระมัดระวังบุคคลที่เข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจในขณะที่คุณยืนอยู่ในบริเวณเครื่องเป็นอันขาด
- ขณะรอใช้เครื่องอยู่ในแถว ควรรักษาระยะห่างกับคนอื่นที่อยู่ในแถว คุณควรระวังไม่ให้ใครสามารถแอบดูคุณระหว่างที่คุณกำลังกดรหัสบัตรได้
- ระหว่างใช้เครื่องเอทีเอ็ม คุณควรยืนประชิดกับตัวเครื่อง และควรเอามือป้องแผงคีย์บอร์ดในขณะที่คุณใส่รหัสบัตร ( คุณอาจจะใช้ข้อนิ้วกลางกดรหัสแทนปลายนิ้ว)
- ทำตามขั้นตอนที่แสดงบนจอ เช่นข้อแนะนำที่บอกไม่ให้คุณใส่รหัสบัตรจนกระทั่งเครื่องจะบอกให้ใส่ เป็นต้น
- หากคุณรู้สึกว่าเครื่องทำงานไม่เป็นไปตามปกติ คุณควรกดปุ่ม ‘ ยกเลิก ’ รับบัตรคืน และไปใช้เครื่องเอทีเอ็มเครื่องอื่นแทน นอกจากนี้ควรรายงานธนาคารเจ้าของเครื่องให้ทราบ
- ไม่ควรสอดบัตรในช่องสอดบัตรด้วยความรุนแรง หรือในลักษณะฝืน
- เก็บสลิปที่ทำรายการทุกครั้ง เพื่อไว้ใช้เปรียบเทียบกับรายการเดินบัญชีประจำเดือนของคุณ
- หากบัตรของคุณติด ถูกยึดหรือสูญหาย คุณควรติดต่อธนาคาร ในทันที
- ไม่ควรรีบร้อนทำธุรกรรม คุณควรเก็บบัตร และธนบัตรเข้ากระเป๋าเงิน หรือกระเป๋าถือให้เรียบร้อยก่อนเดินออกจากบริเวณเครื่อง
ข้อควรกระทำในการใช้เครื่อง ATM
- จดจำรหัสประจำบัตรของคุณ (หากคุณจำเป็นต้องจดรหัสเก็บไว้ ไม่ควรเก็บรหัสนั้นรวมไว้ที่เดียวกับบัตร)
- ไม่ควรเปิดเผยรหัสบัตรให้บุคคลอื่นทราบ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือตำรวจ
- ไม่ควรตั้งรหัสประจำบัตรที่คนอื่นสามารถเดาได้ เช่น วันเกิดของคุณ เป็นต้น
- เปลี่ยนรหัสประจำบัตร เป็นระยะๆ หรือเมื่อมีบุคคลอื่นทราบ คุณควรกระทำการเปลี่ยนรหัสประจำบัตรทันที
- คุณควรจำกัดวงเงินการถอนที่เหมาะสม โดยแจ้งกับสาขาธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่
- ตรวจสอบดูยอดคงเหลือ รวมทั้งตรวจสอบสมุดบัญชีเงินฝากอยู่เป็นประจำ หากคุณสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ควรแจ้งให้ธนาคารทราบทันที
เกร็ดความรู้ทั่วๆ ไป เกี่ยวกับบัตร ATM
– ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เซ็นชื่อที่หลังบัตรทันที เมื่อได้รับบัตร
– เก็บรักษาบัตรไว้ให้ดี เสมือนบัตรคือเงินสด และควรเก็บในที่ปลอดภัย ไม่ควรทิ้งบัตรไว้ที่บ้าน ที่ทำงาน ยานพาหนะ หรือสถานที่สาธารณะ
– หากเป็นไปได้ไม่ควรปล่อยให้ กระเป๋าเงิน หรือกระเป๋าถือที่คุณใช้เก็บบัตร คลาดสายตาในที่สาธารณะ
– ควรระมัดระวังในการทำธุรกรรม อาทิ ไม่ควรให้บริกรในภัตตาคารนำบัตรเพื่อไปชำระหรือกรณีที่คุณต้องยื่นบัตรให้แก่แคชเชียร์ สังเกตในขณะที่แคชเชียร์ทำการรูดบัตร ควรดูให้แน่ใจว่าแคชเชียร์ไม่ได้รูดบัตร บนเครื่องรูดสองเครื่อง หากคุณเห็นการกระทำที่น่าสงสัย คุณควรแจ้งต่อทางธนาคารทันที
– บันทึกหมายเลขบัตรทุกบัตรที่คุณได้รับ รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการแจ้งกรณีที่บัตรสูญหายและเก็บบันทึกนั้นไว้ในที่ทีปลอดภัย คุณควรตรวจสอบสม่ำเสมอว่าไม่มีบัตรใดสูญหายไป
– ไม่ควรเปิดเผยหมายเลขบัตรทางโทรศัพท์ หรือทางอินเทอร์เน็ต กับร้านค้าหรือบริษัทที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
– คุณควรอ่านและทำความเข้าใจต่อคำสงวนสิทธิ์ในการใช้บัตรที่ออกโดยผู้ออกบัตร หรือควรติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ หากคุณมีคำถามที่เกี่ยวกับคำสงวนสิทธิ์นั้น
– คุณควรระมัดระวังในการใช้บัตรที่ร้านค้า ภัตตาคาร ร้านค้าทางอินเทอร์เน็ต ทางโทรศัพท์ ซึ่งคุณสามารถสอบถามในเรื่องความปลอดภัยในการใช้บริการผ่านช่องทางต่างๆ กับเจ้าหน้าที่สาขาของธนาคาร
กรณีการทำธุรกรรมออนไลน์ ทั้งคอมและมือถือ
- ไม่ควรทำธุรกรรมการเงินบน wi-fi สาธารณะ หรือคอมพิวเตอร์สาธารณะ (แนะนำทำผ่าน 3G ผ่าน Personal Hotspot ส่วนตัว )
- ตรวจสอบคอมส่วนตัวของคุณหรือมือถือของคุณก่อน ว่า มีมัลแวร์ โทรจันหรือไม่ หากมีต้องรีบจัดการ scanvirus เพื่อลบมัลแวร์และโทรจันด่วน
- ใครใช้ซอฟต์แวร์ปลอม ใส่ Crack หรือ keygen หรือมือถือคุณทำ Jail Break ลงแอพแปลก มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนขโมยข้อมูล ผ่านทางโทรจัน มัลแวร์ ที่ติดมากับพวกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือแอพปลอม
- การโหลดแอพ ไม่ควรโหลดแอพผ่านทาง SMS เพราะธนาคารไม่มีนโยบายนี้และถ้ามีลิงค์แปลกๆเป็นไปได้ว่าเป็นแอพปลอมเพื่อขโมยเงิน username และ password ควรโหลดด้วยตนเองผ่านทาง AppStore หรือ PlayStore หรือติดต่อที่ทางธนาคารโดยตรงด้วยตนเอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงแอพให้
- ส่วนผู้ใช้บริการ e-banking ผ่านทางเว็บไซต์และ wapsite ควรตรวจสอบว่ามีความปลอดภัยแบบเข้ารหัส https:// หรือสัญลักษณ์แม่กุญแจ ปรากฏบริเวณที่อยู่เว็บไซต์ (URL)
- ควรเช็คยอดเงินในบัญชีสม่ำเสมอ และควรเปลี่ยนรหัสผ่านธุรกรรมการเงินทุกครั้งด้วย และการตั้งรหัสควรตั้งให้ยากต่อการคาดเดา
- ไม่ควรคลิกลิงค์ที่แนบมาจากเมลที่อ้างว่าเป็นของธนาคาร ควรเข้าเว็บไซต์ธนาคารด้วยการพิมพ์บน url เอง
- ควรอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสและสแกนตรวจสอบไวรัสมัลแวร์บนเครื่องสม่ำเสมอ
- หากพบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ ควรโทรหา callcenter แจ้งระงับบริการ และแจ้งไปยังธนาคาร และรวบรวมหลักฐานแจ้งความตำรวจและธนาคารรับทราบ