ปัจจุบันอัตราการใช้พลังงานของเรานั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทรัพยากรธรรมชาตินั้นกลับมีปริมาณลดลง และผลจากการใช้พลังงานบางส่วนก็ยังเกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติอีกด้วย การใช้รถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในอนาคต ที่สามารถเป็นพลังงานทดแทนและเป็นพลังงานสะอาดได้ ซึ่งการจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีการใช้งานได้อย่างแพร่หลายและเกิดขึ้นจริง ก็ต้องมีสถานีหรือปั้มเติมไฟฟ้า เหมือนกับที่เรามีปั้มน้ำมันในปัจจุบัน ให้สามารถรองรับกับการใช้งานที่จะขึ้น
กองทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือ PEA จึงได้ให้ทุนสนับสนุนให้กับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการศึกษา วิจัย และสร้างต้นแบบสถานีบริการอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าแบบรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า EV Quick Charging Station ซึ่งก็คือปั้มเติมไฟฟ้าให้กับรถยนต์นั้นเอง
โดย Quick Charging ก็คือ ความรวดเร็วในการอัดประจุไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งตอนนี้มีสถานีต้นแบบที่เป็น Q 20 คือจะใช้เวลาในการอัดประจุไม่เกิน 20 นาที ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อนต้องใช้เวลากว่า 5- 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนพลังงานไฟฟ้าที่เติมในรถนั้น นำมากจากการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์โดยใช้โซล่าเซลล์ที่อยู่บนหลังคาของสถานี โดยจะมีหน้าจอที่ทำการควบคุมบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าที่เก็บสะสมไว้ ซึ่งเครื่องอัดประจุจะดึงพลังงานไฟฟ้าที่เก็บสะสมไว้นั้นมาใช้ในการอัดประจุให้กับรถยนต์ หากกรณีที่ไฟฟ้าที่เก็บไว้ไม่เพียงพอก็จะดึงพลังงานมาจากโครงข่ายไฟฟ้าของ PEA และหากในกรณีที่พลังงานที่เก็บสะสมมีมากเกินความต้องการ ระบบจะจัดการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้ากลับคืนเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าได้ด้วย
ผู้ใช้งานสามารถเติมไฟฟ้าได้เองอย่างสะดวกโดยนำหัวจ่ายไฟต่อเข้ากับรถคล้ายกับการเติมน้ำมัน แล้วสั่งงานผ่านจอทัชสกรีนของเครื่องอัดประจุ ซึ่งทำงานง่าย ไม่ซับซ้อน โดยในเวลานี้สถานีต้นแบบที่ PEA นี้ได้เปิดให้ใช้บริการได้แล้ว โดยคุณนำชัย หล่อวัฒนตระกูล ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ก็บอกว่า ในช่วงทดลองการใช้งานนี้จะเปิดให้ผู้ใช้บริการใช้งานได้ฟรีอีกด้วย อีกทั้งในขณะนี้เองทีมวิจัยก็กำลังเร่งพัฒนา Q15 ที่จะใช้เวลาในการอัดประจุสั้นลง เหลือเพียงไม่เกิน 15 นาที ซึ่งอีกไม่นานคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์
รถยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะตอบสนองนโยบายการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายจากการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะใช้กันอย่างแพร่หลายในอนาคต และเป็นการช่วยลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าเพื่ออนาคตนี้ก็เป็นงานวิจัยคนไทยที่ใช้ได้จริง ไม่ต้องนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่ควรได้รับการสนับสนุนต่อไป