เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2555 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้แจ้งเตือนผู้บริโภคที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแฮกเกอร์ฉกเงินในบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ต หลังจากพบว่ามีการร้องเรียนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทั้งจากผู้ฝากเงินและสถาบันการเงิน
แม้ว่าบริการธนาคารออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยม เพราะสะดวกสบายทำธุรกรรมออนไลน์ๆได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงได้สำหรับผู้ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะการใช้บริการธนาคารออนไลน์โดยการใช้ซอฟต์แวร์ปลอมนั้น ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน อาจมีการรั่วไหลไปยังแฮ็กเกอร์ได้
นายจิรชัย มูลทองโร่ย รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคระบุว่า “บริการธนาคารออนไลน์ได้เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศไทยและในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ลูกค้าพบว่าบริการดังกล่าวมีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดกรณีการฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ และที่มากไปกว่านั้น การใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ละเมิดลิขสิทธิ์ก็ทำให้ความปลอดภัยของผู้ใช้งานลดลง , ผู้กระทำความผิดโดยการฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ได้พัฒนาวิธีการที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเพื่อปลอมบัตรต่างๆที่ออกจากธนาคาร โดยการเจาะเข้าระบบเพื่อดูรหัสผ่าน และหลอกให้เปิดเผยข้อมูลทางด้านการเงิน (phishing) ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงกับผู้บริโภค แม้ว่าธนาคารและสถาบันการเงินทั้งหลายจะได้ทำการอัพเกรดระบบป้องกันความปลอดภัยของระบบออนไลน์เป็นประจำก็ตาม แต่อาชญากรคอมพิวเตอร์ก็ยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน”
สคบ.และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้แนะนำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาดเพราะนอกจากจะเป็นการละเมิดกฎหมายแล้วผู้บริโภคยังจะทำให้ตัวเองและครอบครัวเสี่ยงต่อการถูกอาชญากรคอมพิวเตอร์หลอกด้วย ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าผู้ขายซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มีเจตนาติดตั้งมัลแวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้รับการอัพเดทระบบรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นทางออกของปัญหานี้คือซื้อซอฟต์แวร์แท้ถูกลิขสิทธิ์จากผู้ผลิตเท่านั้น ถึงจะใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ สคบ. ยังได้แนะนำวิธีการง่ายๆ หลายวิธีที่จะช่วยเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ เช่น ตั้งรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งรหัสดังกล่าวควรประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข โดยมีการเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างน้อยทุกหกเดือน ควรใช้ระบบ Firewalls และทำการติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเวอร์ชั่นล่าสุด เมื่อลงทะเบียนใช้บริการธนาคารออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริโภคจะต้องทราบถึงขั้นตอนในการใช้บริการของธนาคารของผู้บริโภคให้ครบถ้วน และหากไม่แน่ใจจะต้องขอให้ฝ่ายบริการลูกค้าของธนาคารนั้นๆ แสดงวิธีการใช้ที่ถูกต้องให้ทราบ และควรหมั่นลบประวัติ (History ) บนเว็บบราวเซอร์ (เช่น Chrome , ie , firefox , safari , opera ) เป็นประจำ และหากใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับผู้อื่นหรือในร้านคอมพิวเตอร์ก็ควรที่จะต้องลบรหัสผ่านและทำการ log off ออกจากระบบของธนาคารทุกครั้ง รวมถึงระวังพวกจดหมายขยะ (Junkmail ) ซึ่งขอรายละเอียดส่วนตัวรวมทั้งหมายเลข PIN และหมายเลขบัญชี ในหลายกรณีพบว่าจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวดูเหมือนเป็นของจริงเนื่องจากใช้ตราสัญลักษณ์ของธนาคารและรูปลักษณะอื่นๆ ที่ดูคล้ายของจริง
“การติดต่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินผ่านทางอีเมลล์ ควรจะระบุชื่อเต็มของผู้ใช้ ไม่เช่นนั้นจะมีความเป็นไปได้ว่าจดหมายดังกล่าวเป็นการหลอกให้เปิดเผยข้อมูลทางการเงิน (Phishing) เพื่อขโมยข้อมูลความปลอดภัยเพื่อเจาะเข้าบัญชีของท่าน หากผู้บริโภคมีข้อสงสัย ให้รีบแจ้งธนาคารที่ใช้บริการโดยตรงและห้ามตอบจดหมายฉบับดังกล่าวโดยเด็ดขาด”
“ผู้บริโภคอาจคิดว่าตัวเองประหยัดเงินหลายพันบาทจากการซื้อซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มีราคาถูก แต่ผลกระทบในระยะยาวซึ่งอาจเกิดขึ้นกับคนทั่วไปและเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นผลกระทบที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก สคบ. มีความมุ่งหมายที่จะคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและผู้ที่มาเยี่ยมเยียนประเทศของเรา อย่างไรก็ดี การต่อสู้กับปัญหานี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการสนับสนุน” รองเลขาธิการ สคบ. กล่าว