ในยุคโมบายส์ อินเทอร์เน็ต เรามีการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ตลอดไปจนถึงการเล่นเกมบนเครื่องเล่นเกมพกพา หรือการใช้งานเฟ๊ซไทม์บนไอโฟน 4 ผ่าน Wi-Fi ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน ก็มี Wi-Fi ให้ใช้เชื่อมต่อสบายใจ (แต่จะติดรหัสเข้าใช้งานหรือเปล่าก็อีกเรื่อง) และหากใช้งานนอกสถานที่ ก็มีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น EDGE/GPRS และ 3G ในบางพื้นที่ ส่วนตามร้านกาแฟ ร้านอาหาร ตอนนี้แทบทุกร้านจะมีบริการ Wi-Fi ฟรีให้ใช้ แต่เอาเข้าจริง มันไม่ใช่ Wi-Fi Free น่ะสิ เพราะการเลือกสัญญาณเชื่อมต่อเข้าใช้งานน่ะฟรี แต่จะใช้อินเทอร์เน็ต จะต้องมียูสเซอร์เนม พาสส์เวิร์ด เพื่อเข้าใช้งาน ซึ่งมีทั้งเสียเงิน และฟรีแบบมีเงื่อนไข
โชคดีที่ปัจจุบันเรามีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย บริเวณใดมี Wi-Fi ก็เชื่อมต่อได้ทันที (ต้องมีรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งาน) แต่หากเราไม่มีรหัสผ่าน หรือพบปัญหาว่า มีรหัสผ่านของ True แต่บริเวณนั้นๆ ให้บริการ Wi-Fi ของ 3BB หรือ TOT ก็ไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อพบปัญหานี้ ทำให้หลายคน หันไปพึ่งบริการอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือจากซิมการ์ดของผู้ให้บริการมือถือ เพื่อเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตผ่านทาง 3G / EDGE / GPRS ส่งผลให้อุปกรณ์เสริมอย่างแอร์การ์ด และไม-ไฟ (อุปกรณ์กระจายสัญญาณมือถือเพื่อปล่อยสัญญาณ Wi-Fi) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ด้วยพฤติกรรมในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนยุคใหม่ เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่การเข้าออฟฟิศเล่นเน็ตผ่านสายแลนบนพีซีอีกต่อไป แต่เป็นการใช้งานบนสมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวน์ อย่างแท็ปเล็ต เครื่องเล่นเกมพกพา โน้ตบุ๊ก ได้ทุกสถานที่ ผ่าน 3G / EDGE / GPRS / Wi-Fi เรียกได้มีหลากหลายช่องทางในการเชื่อมต่อ สังเกตไหมว่า เราใช้งานอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา อยู่บ้านก็ใช้ Wi-Fi ที่บ้าน เข้าออฟฟิศก็ใช้ Wi-Fi ของบริษัท พักเที่ยงระหว่างเรียน ทำงาน ตอนออกมาทานข้าว เราก็ยังอัพเดตสถานะเฟ๊ซบุ๊ก ยังอัพโหลดรูปอาหาร เสื้อผ้าผ่าน ทวิตเตอร์ เฟ๊ซบุ๊ก หากต้องการเชกเมลด่วน ก็จะเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรือ 3G / EDGE / GPRS ผ่านมือถือ หากมีสัญญาณ Wi-Fi ก็เชื่อมต่อด้วยรหัสผ่านที่มีอยู่ เมื่อเกิดศึกสงครามตอนนี้ ก็กลายเป็นว่า มีมือถือหลายเบอร์เพื่อให้โทรได้หลายค่าย แบบนี้คงจะต้องมี Wi-Fi หลายค่าย เพื่อที่ว่า ไปที่ไหนมีสัญญาณ Wi-Fi ค่ายไหนก็นำมาล็อกอินใช้งานได้เลย
ศึกการให้บริการ Wi-Fi ร้อนระอุท่ามกลางลมหนาวในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน เมื่อ Truemove นำ Samsung Galaxy Tab รุ่นที่รองรับ Wi-Fi เข้ามาจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่ารุ่น 3G + Wi-Fi (แต่ภายหลังก็มีการปรับราคาลง 4 พันบาท ทำให้รุ่น 3G มีราคาแตกต่างจากรุ่น Wi-Fi นิดหน่อย แต่สเปคก็ผิดกันด้วย ทางออกนี้คงเป็นทางซัมซุง ที่จะแก้ปัญหา แต่จุดนี้ เหมือนทำให้จุดประกายว่า “เครือข่าย Wi-Fi ครอบคลุม 18,000 จุดทั่วกรุงเทพและปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่” สัปดาห์ต่อมา AIS จับมือ 3BB ให้บริการ ทำให้ AIS มีการให้บริการ Wi-Fi 15,000 จุด ทั้งกรุงเทพและปริมณฑล รวมไปถึงข้อดีของ AIS ที่มีเครือข่ายสัญญาณครอบคลุมกว่า ส่วน 3BB ก็ให้บริการทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด ได้ใจคนเดินทางบ่อยไปเต็มๆ เพราะหลายคนมักบ่นว่า ไปต่างจังหวัดไม่มี True Wi-Fi แต่ 3BB ครอบคลุมเยอะมาก
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า โปรโมชั่นล่าสุดของ Wi-Fi แต่ละค่ายเป็นอย่างไร อัพเดตล่าสุดหลังจากที่ true ปรับความเร็ว Wi-Fi ให้เป็น 8Mbps และต้องขอทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับความเร็วในการใช้งาน 8Mbps ทุกคน แต่จะอยู่ที่ล็อกอิน เป็นตัวกำหนดความเร็วตามแพ็คเกจที่เราได้รับ ตามมาดูกันว่า แต่ละค่าย มีรายละเอียดอย่างไรกันบ้าง
เริ่มจาก True ที่ผนวกเอา Truemove, True Wi-Fi เข้าด้วยกัน แถมยังมี True Bangkok Wi-Fi ให้ใช้งานผ่าน @TRUEWIFI ทั่วกรุงเทพ ตอนนี้ลูกค้าทรูมูฟ สามารถใช้งาน Wi-Fi ผ่านสมาร์ทโฟน หรือใช้บนคอมพิวเตอร์ก็สะดวก รวดเร็วบนความเร็ว 8Mbps. ถ้าคุณใช้ทรูมูฟ สิทธิ์นี้ของ่ายๆ แค่พิมพ์ W ส่งไปที่ 9789 ฟรี มีโปรโมชั่น วันละ 69 บาทไม่อั้นทั้งวันให้ด้วย พออยู่ออฟฟิศก็ใช้ Wi-Fi ออฟฟิศ (ระวังเจ้านายจับได้) อยู่บ้านก็ใช้ Wi-Fi จากโมเด็มเร้าเตอร์ที่บ้าน หรือใช้ฉุกเฉินก็ชั่วโมงละ 39 บาท เท่านั้นเอง ถูกกว่าค่าบริการร้านเน็ตเสียอีก
ส่วน Wi-Fi 256Kbps ไม่อั้น วันละ 29 บาท ก็ใช้งานได้เช่นกัน ถ้าไม่ได้ใช้อะไรมาก แบบนี้ก็น่าสนใจเพราะ 29 บาทใช้ได้ทั้งวัน แต่ความเร็วก็จะได้แค่ 256Kbps เท่านั้น สมัครโดยพิมพ์ wifi29 ส่ง SMS มาที่ 9434
ส่วนใครที่ไม่มีเบอร์ทรูมูฟ สามารถสมัครรายเดือน เดือนละ 500 บาท Wi-Fi Unlimited Package ไม่จำกัดความเร็ว ไม่จำกัดชั่วโมง ไม่จำกัดปริมาณรับส่งข้อมูล
นอกจากนี้ยังมี Pre-Paid Card ชั่วโมงนึงก็ร่วมๆ 60 บาท อันนี้ไม่แนะนำเพราะแพงมาก สนใจรายละเอียดลองดู http://www.truewifi.net/products/
สำหรับคนที่มีรหัส True Wi-Fi สามารถใช้บริการได้ในพื้นที่ที่มี Wi-Fi by TrueMove hotspots ทั่วประเทศ (ยกเว้นศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมไบเทค บางนา และ Royal Paragon Hall) รวมทั้งสามารถใช้งานในพื้นที่ที่มี KSC hotspot อย่างร้านกาแฟสตาร์บัคส์ และพื้นที่ต่างๆ ก็สามารถนำเอารหัส True Wi-Fi ไปใช้งานได้เช่นกัน
สำหรับบริการ Free Wi-Fi อย่าง Green Bangkok Wi-Fi ของทรู นั้นรองรับการให้บริการกว่า 18,000 hotspots ทั่วกรุงเทพฯ เน้นให้บริการในกรุงเทพมหานคร เพราะทาง กทม ได้จับมือกับทรู เพื่อให้บริการ Free Wi-Fi โดยสามารถขอรหัสจากการลงทะเบียนเพื่อรับ Username และ Password สำหรับ Green Bangkok Wi-Fi ได้ฟรี และมีข้อแม้ว่า จะต้องนำมาต่ออายุทุก 3 เดือน เพื่อแสดงการ Active แต่ความเร็วที่ได้ มีแค่สองความเร็วคือ 64Kbps หรือ 1 Mbps ความเร็วในการให้บริการของ Green Bangkok Wi-FI แพ็คเกจที่ 1 ให้บริการความเร็ว 64 kbps ไม่จำกัดชั่วโมงการใช้งาน หลายๆคนบอกว่า ความเร็วแค่นี้ พอเช็กเมล์ หาข้อมูลร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน นิดๆหน่อยๆ ก็โอเคแล้ว ส่วนใครอยากได้ความเร็วสูงๆ แพ็คเกจที่ 2 ความเร็ว 1 Mbps ระยะเวลาใช้งาน 1 ชั่วโมงต่อเดือน (ไม่ว่าจะลงทะเบียนในช่วงใดของเดือนก็จะตัดการใช้งานตอนสิ้นเดือน)
สามารถขอรับรหัสใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2554 (รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1555 หรือ 1686 หรือ www.truewifi.net หรือ www.bangkok.go.th) แต่มีข้อกำหนดในการใช้งานคือ Wi-Fi 1 สิทธิ / 1 ท่าน/ 1 อุปกรณ์เชื่อมต่อ Wi-Fi เช่น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง/ 1 account ไม่สามารถนำมือถือเครื่องเดิมมาลงทะเบียนซ้ำได้อีก
หากครบกำหนด 3 เดือน แล้วต้องการใช้แพ็คเกจเดิม เลือก“ต่ออายุการใช้งาน” เพื่อใช้ Username และ Password เดิม และจะใช้งาน ได้นาน 3 เดือน แต่หากลงทะเบียนใหม่ก็สามารถเลือกแพ็คเกจใหม่ ชื่อและรหัสผ่านใหม่ได้ โดยวันสิ้นสุดการให้บริการ Green Bangkok Wi-Fi คือวันที่ 24 มิถุนายน 2554
คำแนะนำ : เพื่อไม่ให้ Wi-Fi account ของคุณถูกยกเลิก กรุณาต่ออายุการใช้งานที่หน้าล็อกอิน ภายใน 15 วันก่อนวันสุดท้ายของแต่ละไตรมาส มิฉะนั้น จะต้องทำการสมัครใหม่
ส่วนลูกค้าทรู ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต ก็มีสิทธิ์ในการขอรหัสใช้งาน @TRUEWIFI ได้เช่นกัน โดยเป็นโปรโมชั่น ไฮ-สปีด เน็ตซิม ร่วมกับ ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต นั่นหมายความว่า นอกจาก Wi-Fi แล้ว คุณยังสามารถติดตั้งไฮ-สปีดอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมได้รับเน็ตซิมจากทรูมูฟเพื่อใช้งาน EDGE / 3 G ได้ฟรี 12 เดือน และสำหรับแพ็คเกจ Net Sim 600 และ 1000 ยังได้รับสิทธิในการใช้งาน Wi-Fi ความเร็ว 2Mbps ได้ฟรี 12 เดือน ได้ไม่จำกัดอีกด้วย
KSC HotSpot
บริการ Wi-Fi จาก KSC Hotspot ให้คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านจุดให้บริการกว่า 16,000 จุด ในบริเวณที่มีสัญลักษณ์ KSC Hotspot กรุงเทพฯ และปริมณฑล, ร้านสตาร์บัคส์, โรงพยาบาลต่างๆ อาคารที่เข้าร่วมโครงการ ใครที่มีรหัสของ @TRUEWIFI ก็นำมาล็อกอินในระบบของ KSC HotSpot ได้เช่นกัน แต่จะต้องจำตัวโดเมนข้างท้าย อย่างของผมใช้รหัสที่มาพร้อมแพ็คเก็จอินเทอร์เน็ตบ้าน ก็จะเป็น ชื่อผู้ใช้ @truehisp นั่นเอง
หากคุณเข้าไปในร้านค้าที่ร่วมรายการกับทาง KSC HotSpot อย่างร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ คุณก็สามารถนำรหัสผ่านของ True Wi-Fi ไปล็อกอินเข้าใช้งานได้เช่นกัน ตัวอย่างในภาพ เข้าไปที่ร้าน สตาร์บัคส์ ก็ล็อกอิน KSC HotSpot เมื่อล็อกอินแล้ว ก็จะพบหน้าจอดังภาพ เราก็สามารถเอารหัส KSC HotSpot หรือ True Wi-Fi ไปใช้งานได้ โดยจะมี @ ตามประเภทและแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตไวไฟ ที่คุณมี ให้คุณกรอกตามรหัสที่ได้รับจากผู้ให้บริการ โดยจะมี ชื่อเข้าใช้งาน เลือก @ให้ถูกต้อง และกรอกรหัสผ่าน ของผมเลือก Truehisp คือเป็นแพ็คเกจที่แถมพ่วงมาพร้อมกับไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ตบ้าน สามารถใช้งานได้ไม่จำกัด ดังนั้น เราจะต้องทราบว่า แพ็คเกจที่เราใช้งาน จะล็อกอินได้ที่ไหนบ้าง โดยส่วนใหญ่มักจะต้องสังเกตจากชื่อของ Wi-Fi ที่ค้นหาพบ แล้วทดลองล็อกอินดู
AIS จับมือ 3BB Wi-Fi ทั่วประเทศ
ไม่กี่วันต่อมาหลังจากทรูประกาศเปิดตัว Samsung Galaxy Tab Wi-Fi ทาง AIS จับมือกับ 3BB ในการให้บริการ Wi-Fi เดือนละ 99 บาท เรียกว่าเปิดศึกสงคราม Wi-Fi กันเลยทีเดียว เพราะแต่เดิมนั้น ค่ายมือถือที่ให้บริการ Wi-Fi มีเพียง Truemove 3G + Wi-Fi ดังนั้นการจับมือของ AIS และ 3BB ในครั้งนี้ ก็เหมือนกับการเปิดศึก Wi-Fi ที่มีบริการครอบคลุมกว่า 15,000 จุด ทั่วประเทศ ต้องย้ำว่า ทั่วประเทศ เพราะการให้บริการ Wi-Fi ของ 3BB นั้น ให้บริการในกรุงเทพมหานคร 50% และต่างจังหวัด 50% ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของหลายๆ คน ที่ไม่ได้อยู่แค่ในกรุงเทพมหานคร ไปต่างจังหวัดก็ยังใช้ Wi-Fi ได้มากกว่าทรู โดยในปีนี้ 3BB มีแผนจะขยายจุดให้บริการเพิ่มเป็น 50,000 HotSpot แถมยังการันตีความเร็วสูงสุดที่ 4 Mbps อีกด้วย
สำหรับใครที่ใช้มือถือ AIS แล้วอยากใช้ Wi-Fi 3BB หากใช้แพ็คเก็จ GPRS Unlimited Package 799 สามารถใช้ EDGE / GPRS / Wi-Fi ได้ไม่จำกัด ส่วน Package 550 สามารถใช้ EDGE / GPRS ได้ 250 ชั่วโมง และใช้งาน 3BB Wi-Fi ได้ไม่จำกัดเช่นกัน
หรือถ้าไม่ได้ใช้ 2 โปรโมชั่นข้างต้น ก็ยังสมัครใช้งาน Wi-Fi Unlimited ได้ไม่จำกัด ในราคา 99 บาทต่อเดือนเท่านั้น การที่แต่ละค่ายออกมาเสนอสิทธิพิเศษแบบนี้ ที่ผมมองคือ ไม่ได้เป็นการแข่งขันแต่อย่างใด แต่ผู้ใช้ จะต้องมีรหัส Wi-Fi 2 ค่ายคือ ทรูและ 3BB เหมือนกับที่เราใช้มือถือหลายซิมหรือเปล่า คือไปที่ไหนก็เลือกใช้ Wi-Fi ของค่ายที่ให้บริการครอบคลุมในบริเวณนั้นๆได้สะดวกขึ้น
โดยโปรโมชั่นของ 3BB นั้นสามารถนำรหัสไปใช้กับ @3BB_Hotspot หรือ @cyberpoint (แต่อันหลังนี้ใช้งานได้ 1 ชั่วโมงต่อวัน)
นอกจากนี้ 3BB Hotspot เล่น Wi-Fi ไม่อั้น ปกติเดือนละ 99 บาท เล่นได้ไม่จำกัด สมัครแล้วเล่นฟรี 1 เดือน ตามแพ็คเกจทั้ง 3BB และ 3BB Premier
ส่วนใครที่ใช้ CAT Wi-Fi สามารถล็อกอินเข้า @CATwifi ได้ในบริเวณที่ให้บริการสัญญาณ Wi-Fi ซึ่งบริการนี้จะขายเป็นบัตร ชั่วโมงละ 60 บาท 100 บาทใช้งานได้ 2 ชั่วโมง โดยบริการ CATwifi นี้ ผู้ประกอบการคอนโด ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หากนำบริการ CAT Wi-Fi ไปติดตั้งก็จะให้บริการ Wi-Fi ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้
มาถึง TOT Wi-Fi ก็มีให้บริการเช่นกัน
มีให้บริการทั้งแบบบัตรคิดตามจำนวนการใช้งาน มีทั้งแบบ Pre-paid, Post-paid ซึ่งบริการของ TOT จะมีชื่อว่า TOT ThaiNet ส่วนร้านค้าต่างๆจะมีสัญลักษณ์ TOT Wi-Fi ใช้เป็นบัตร TOT WIFI และ TOT HOTSPOT
ส่วนใหญ่จุดให้บริการของ TOT Wi-Fi จะมีตามร้านอาหาร ร้านกาแฟก็จะมีตามปั๊มน้ำมันอย่าง Café Amazon ตามคอนโด ร้านกาแฟดอยตุง คาร์ฟูร์ รวมทั้ง TOT Shop และ TNet ที่มีสัญลักษณ์ TOT Wi-Fi
สำหรับใครที่อยากจะใช้ TOT Wi-Fi รายเดือน ค่าบริการ 500 บาท เหมาจ่ายเป็นรายเดือน สนใจติดต่อสำนักงานบริการ TOT ใกล้บ้านได้เลย
จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ หลายๆค่าย ลงมาเล่นในตลาดโมบายส์อินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น ค่าบริการที่ถูกลง ความเร็วอัพสูงสุด แต่ปริมาณการใช้งาน และจำนวนผู้ใช้งานก็มากขึ้นด้วย แน่นอนว่า อาการช้าจะตามมาถามหาอย่างแน่นอน แถมผู้ใช้อย่างเราๆ นอกจากจะพกซิมมือถือ 2 – 3 เบอร์ มือถือ 2 – 3 เครื่องแล้ว ก็ (อาจ) จะต้องพกรหัส Wi-Fi หลายผู้ให้บริการไปใช้งานก็เป็นได้ เพราะทางเลือกที่มากขึ้น ในการเชื่อมต่อ GPRS > EDGE > Wi-Fi > 3G มีอันไหนให้ใช้งานก็ใช้งานผ่านช่องทางนั้นๆไป แบบนี้ เน็ตตามร้านกาแฟที่ขายชั่วโมงละ 60 – 150 บาท ก็คงอยู่ไม่ได้แล้วล่ะ เพราะทุกคน มีมือถือติดตัว และมี Wi-Fi ติดตัวกันหมดแล้ว ต่อไป ก็คงถามหากันว่า ขอรหัส Wi-Fi หน่อยสิ เผลอๆคุณอาจจะได้เจอเนื้อคู่ที่ร้านกาแฟเมื่อขอรหัส Wi-Fi กันก็เป็นได้ แต่ทั้งนี้ เมื่อมีคนใช้งานมากขึ้น คุณภาพการให้บริการต้องได้รับการพัฒนามากขึ้นด้วยเช่นกัน และก็จะทำให้เราสื่อสารกันง่ายขึ้น ใช้งานเฟซไทม์กันบน iPhone 4 สะดวกขึ้น การสื่อสาร เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากยุค voice เป็น Data กันแล้ว ต่อไปการคุยก็จะเป็นการสนทนาเห็นหน้า หรือใช้งานผ่าน VoIP แทนการโทรจากมือถือสู่มือถือ เพื่อให้การสนทนา การติดต่อกัน มีทางเลือกมากขึ้นนั่นเอง
บทความโดย - นันท์ชวิชญ์ ชัยภาคย์โสภณ (@yokekung) บรรณาธิการเทคนิค นิตยสาร PC-Today (@pctoday)