ขอบคุณบทความจาก Appreview โดย @nuttaputch
เริ่มกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงาน Thailand Mobile Expo ที่รวมบรรดามือถือค่ายใหญ่ค่ายเล็กมาให้ผู้บริโภคได้เลือกจับจองและเลือก ซื้อกันพร้อมโปรโมชั่นถล่มทลายชนิดไม่ควรพลาด
นอกจากโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ แล้ว ในงานยังมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ อย่างเช่น Samsung Galaxy S II, HTC Sensation, LG Optimus 3D ฯลฯ ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากตลาดอยู่ไม่น้อยทีเดียว
คำถามน่าคิดสำหรับนักการตลาดที่มองงานอีเวนท์นี้นั้น คือเราจะเห็นทิศทางตลาดของโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างไร รวมทั้งวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาดของค่ายมือถือต่างๆ ที่งัดกันออกมาเพื่อแย่งชิงลูกค้ากัน
ซึ่งหลังจากที่ผู้เขียนได้ถือโอกาสลองไปเดินสำรวจดูแล้ว ก็พอมองเห็นสถานการณ์ต่างๆ ที่น่าสนใจ พอแยกเป็นประเด็นต่างๆ ได้ดังนี้
ยุคทองอันโชติช่วงของ Smartphone มาถึงแล้ว
การเปิดตัวของ Android Smartphone หลายรุ่นในงาน Thailand Mobile Expo พร้อมกับแถวคิวเพื่อทำการจองที่ยาวเหยียดของ Samsung Galaxy S II เป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีว่าผู้บริโภคจำนวนมากพร้อมใจจะเปลี่ยนโทรศัพท์ ของตัวเองสู่ระดับของ Smartphone แล้วซึ่งก็สอดคล้องกับการสำรวจของ Nielsen เมื่อไม่นานนี้ที่บอกว่าคนไทยผู้ใช้อินเตอร์เนตไทยกว่า 47% ที่ตัดสินใจจะซื้อ Smartphone ภายในปีนี้ แน่นอนว่าปรากฏการณ์นี้เป็นความต้องการต่อเนื่องมาตั้งแต่การเปิดตัวของ iPhone4 เมื่อปีที่แล้ว ตลอดจนการเปิดตัว Android Smartphone กันมากมายหลายรุ่นให้ผู้บริโภคได้เลือกสรร
ปรากฏการณ์นี้จะส่งต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Smartphone อย่างเสียไม่ได้ เริ่มแรกก็คือค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่คงต้องเร่งขนโปรโม ชั่นการใช้ Data ออกมาดึงดูดลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่สามารถย้ายค่ายเบอร์เดิมได้ อีกทั้งการแข่งขันของ 3G ที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ (แม้ว่าจะยังไม่ใช่แบบ 2100 Hz ที่เรายังรอคอยกันอยู่ก็ตาม)
นอกจากนี้แล้ว ผู้ให้บริการ Content ต่างๆ ที่สามารถต่อยอดกับการใช้ Smartphone นั้นก็น่าติดตามอยู่ไม่ใช่น้อยว่าจะเดินเกมอย่างไรกันต่อไป ไม่ว่าจะในรูปแบบของการพัฒนา Application หรือกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการใช้ Data ของเครือข่ายมือถือด้วย
ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่าคือผู้ให้บริการ MVNO ของเครือข่าย 3G นั้นคงจะต้องรีบทำการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้าและเข้าไปแย่งชิงรายได้จากการ เติบโตของ Smartphone แบบก้าวกระโดด เพราะแน่นอนว่าโทรศัพท์ Smartphone นั้นย่อมทำให้เจ้าของอยากใช้บริการอินเตอร์เนตที่รวดเร็วตามมา และในกรณีหลายคนที่มีโทรศัพท์มากกว่า 1 เครื่องนั้น การมีเครื่องที่สามารถใช้ความเร็วระดับ 3G ได้ย่อมเป็นผลดีและรู้สึก “คุ้ม” กับการเป็นเจ้าของ Smartphone อยู่ไม่น้อย
สิ่งที่นักการตลาดน่าจับตามองมากคือกลยุทธ์ของค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์ มือถือว่าจะเดินเกมโปรโมชั่นออกมาดึงดูดเจ้าของ Smartphone รายใหม่ๆ อย่างไร ทั้งในเรื่องราคา บริการ และคุณภาพของการให้บริการ ซึ่งทั้งสามค่ายหลักก็มีจุดดีจุดเสียแตกต่างกันไป คงอยู่แต่วิธีการสื่อสารที่จะทำให้ผู้บริโภคโดนใจมากน้อยเพียงใด
Blackberry กำลังจะหมดยุคของตัวเอง
ในขณะที่ Smartphone อย่าง Android และ iPhone ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ Blackberry ที่เคยเป็นดาวเด่นและแชมป์เก่าของ Smartphone เมื่อสองสามปีที่ผ่านมากลับเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด โปรโมชั่นที่ทำร่วมกับค่ายมือถือต่างๆ นั้นไม่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้เท่ามือถือรุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าหมดรัศมีของการเป็นดาวจรัสแสงแบบครั้งที่เคยเป็นเสียแล้วจนทำให้ โปรโมชั่นของ Blackberry เป็นเหมือนพระรองหรือจนถึงขั้นตัวประกอบเลยก็ว่าได้
ถ้าหากเราวิเคราะห์สถานการณ์นี้แล้ว เราอาจจะพบได้ว่าจุดแข็งเดิมของ Blackberry ในเรื่องของ Instant Messaging อย่าง BBM ที่โดนใจชาวไทยนักหนานั้นไม่ได้เป็นจุดแข็งอีกต่อไป เพราะในมือถือ Smartphone รุ่นอื่นๆ ก็สามารถใช้ Instant Messaging ได้เหมือนกันผ่าน Whatsapp หรือผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ อย่าง Twitter หรือ Facebook Message ซึ่งถ้าว่ากันตามภาษาการตลาดแล้ว นั่นคือมีสินค้าที่สามารถ “ทดแทน” กันได้ ซึ่งเมื่อการทดแทนดังกล่าวนั้นสามารถทำได้ง่าย ทำให้จุดแข็งที่เคยกลบจุดอ่อนอื่นๆ ของ Blackberry ไว้ไม่สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้อีกต่อไป
ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือสภาพแวดล้อมของการใช้ Blackberry นั้นถูกจำกัดด้วยระบบปฏิบัติการณ์และความน่าสนใจที่ดูจะแพ้ขาดลอยเมื่อเทียบ กับระบบปฏิบัติการณ์ Android หรือ App ใน iOS ซึ่งกลายเป็นว่า Blackberry นั้นแทบไม่มีไม้ตายใด (Killer-App) ที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในสมรภูมิ Smartphone ได้
คงต้องดูกันต่อไปว่าทาง RIM จะแก้เกมนี้อย่างไรด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น
Nokia อดีตราชาที่กลายเป็นยาจก
หากใครพูดว่า Nokia จะล้มเหลวเมื่อสัก 5-6 ปีที่แล้วคงมีแต่คนหัวเราะเยาะเป็นแน่ แต่ทุกวันนี้ Nokia กลายเป็นแบรนด์ระดับกลางๆ จนถึงระดับล่างในสายตาของผู้เล่นโทรศัพท์มือถือไปเสียแล้ว บูธของ Nokia ในงาน Thailand Mobile Expo กลายเป็นบูธขนาดเล็กที่มีมาเหมือนให้รู้ว่ายังมี Nokia Thailand ทำงานอยู่แต่ไม่สามารถสู้รบกับค่ายอื่นๆ ที่เคยเป็นตัวจิ๋วอย่าง Samsung / LG / HTC
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปซื้อมือถือของ Nokia เพื่อไปฝากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดคือแทบไม่มีคนเดินเข้ามาถามไถ่หรือสนใจโทรศัพท์ของ Nokia ในระดับ High / Premium เลย โดยคนที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่นั้นเป็นโทรศัพท์ขนาดเล็กราคา 2-3 พัน (หรืออาจจะไม่ถึงพัน) ผิดกับบูธอื่นๆ ที่สามารถทำรายได้จากการขายโทรศัพท์ประเภท Smartphone ที่มีราคากันตั้งแต่ 5-6 พันไปจนถึง 2 หมื่นกว่าๆ ซึ่งนี่ทำให้เห็นได้ชัดยิ่งขึ้นว่าลูกค้าระดับบนของตลาดมือถือไทยแทบจะไม่มี พื้นที่เหลือให้ Nokia เข้าไปจับจองอีกต่อไปแล้ว
ปัญหาอย่างหนึ่งของ Nokia คงไม่พ้นการปรับตัวและแก้ไขผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ทันคู่แข่งรายอื่นๆ ที่เริ่มช้ากว่าแต่ตอนนี้วิ่งนำไปหลายโยชน์อย่างเช่น iPhone หรือ Android แถมการร่วมมือกับ Microsoft ที่จะเอา WindowsPhone 7 มาใช้นั้นก็ยังถือว่าช้าและแทบไม่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคเสียสักเท่าไร เมื่อเป็นเช่นนี้กลุ่มลูกค้าของ Nokia ที่เป็นคนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ก็เริ่มหายไปมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันที่มือถือระดับล่างของ Nokia ก็ต้องไปต่อสู้กับมือถือ House Brand หรือมือถือราคาถูกจากจีนที่บีบราคา ตัดราคากันชนิดไม่กลัวเจ๊งแถมข่มด้วยฟังก์ชั่นที่เหนือกว่าเสียอีก
วิกฤตครั้งนี้คงเป็นงานช้างของทีม Marketing ของ Nokia เสียแล้วว่าจะแก้เกมอย่างไรไม่ให้ลูกค้าเดิมรั่วไหลไปมากกว่านี้ เพราะทิศทางตลาด เทรนด์ และทัศนคติของผู้บริโภคต่อแบรนด์ Nokia เปลี่ยนไปจากเดิมแทบจะหมดสิ้น การสื่อสารการตลาดและโปรโมชั่นแบบเดิมๆ ที่เคยทำมาคงไม่เพียงพอที่จะช่วยเยียวยาสถานการณ์นี้ได้แน่ๆ
ศึกน่านน้ำสีแดงที่มีชื่อว่า Android
ในขณะที่ดูเหมือน iPhone จาก Apple จะขายไปได้เรื่อยๆ แม้ว่ากระแสจะแผ่วไปบ้างเนื่องจากไม่มีข่าวการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ แต่ฝากฝั่ง Android นั้นเรียกได้ว่าทุกบริษัทงัดกลยุทธ์ออกมาช่วงชิงลูกค้ากันอย่างดุเดือด
ที่เป็นเช่นนี้เพราะตลาด Smartphone กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยแม้ว่า iPhone อาจจะเป็นเหมือน Trendsetter ของกระแสนี้ แต่ก็ยังมีตลาดอีกขนาดใหญ่ของคนที่อยากครอบครอง Smartphone แต่ไม่มีรายได้มากพอจะครอบครอง iPhone ซึ่งแน่นอนว่าบรรดาผู้ผลิตมือถืออย่าง Samsung / LG / HTC / Motorola ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปง่ายๆ แน่นอน
และด้วยเหตุดังกล่าว เราจึงเห็นยุทธการถล่มโปรโมชั่นทั้งในด้าน Price / Service / Promotion Package ที่ขนกันมาชนิดเทหมดหน้าตักจนทำให้คนแห่กันไปจองมือถือกันล้นหลาม แถมไม่ใช่ค่ายผู้ผลิตเพียงอย่างเดียวที่ร่วมศึกครั้งนี้ เพราะค่ายผู้ให้บริการก็ร่วมกระโจนเข้าแย่งลูกค้ากันด้วยเช่นกันด้วยการขนโป รฯ มาชนกันแบบไม่เกรงใจลูกค้าเก่ากันเสียเลย
นอกจากการอัดแคมเปญกันชนิดไม่ลืมหูลืมตา ตั้งแต่ลดแลกแจกแถม ผ่อนไร้ดอกเบี้ย โปรใช้ฟรีหลายเดือน ฯลฯ เรายังเห็นการตัดหน้าโปรโมทและเปิดตัวสินค้าเพื่อดึงความสนใจเพื่อปลุกกระแส ให้กับแบรนด์ของตัวเอง ตั้งแต่การเปิดตัว LG Optimus Black การประกาศพาร์ทเนอร์ระหว่าง HTC กับ dtac เพื่อขาย HTC Sensation ต่อเนื่องไปจน Samsung ที่ประกาศถล่มโปรไม่เกรงใจคู่แข่งกับ Samsung Galaxy S II จนคนมาต่อแถวยาวไปถึง MRT (เรื่องจริงนะครับ) หรือการเปิดตัว LG Optimus 3D ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สามารถมองได้ว่าเป็นเกมหักเหลี่ยมเฉือนคมของแต่ละแบรนด์รวม ทั้งทีมที่ดูแลการทำพีอาร์ว่าจะชิงพื้นที่สื่อกันได้มากน้อยแค่ไหน
สี่ประเด็นด้านบนนั้นเป็นแค่หัวข้อใหญ่ๆ ที่พอจะเห็นได้ชัดจากงาน Thailand Mobile Expo ที่กำลังจัดอยู่ นอกจากนี้แล้วยังมีรายละเอียดยิบย่อยที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม เช่นการจัดโปรโมชั่น การแย่งลูกค้ากันระหว่างบูธ (หรือแม้แต่ในบูธเดียวกันเอง) ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะเป็นความรู้ที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจการตลาดและวงการมือถือ ไทยเลยทีเดียว
บทความจาก Appreview โดย ณัฐพัชญ์ วงศ์เหรียญทอง (@nuttaputch) ทีมงานแอพรีวิว