เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา Apple ได้ทำการปล่อยอัพเดท Firmware บน iPod Touch, iPhone และ iPad เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ในเรื่องการบันทึกข้อมูลพิกัดของผู้ใช้ iPhone , iPod Touch และ iPad โดยไม่รู้ตัว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวอเมริกันเพราะเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก และเมื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้กับซอฟต์แวร์บางประเภทก็จะสามารถสร้างแผนที่ติดตามการเดินทางของผู้ใช้ อุปกรณ์ ต่างๆที่มีระบบปฏิบัติการ iOS ติดตั้งอยู่ด้วยได้เลย
ในวันนี้คุณสามารถนำอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์จาก Apple ที่ติดตั้งระบบปฎิบัติการ iOS มาอัพเดท Firmware iOS เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยอัพเดทผ่าน iTune ซึ่งหลังจากการอัพเดท Firmware แล้ว จะทำให้ลดความถี่จำนวนในการบันทึกข้อมูลพิกัดสถานที่ลงเหลือเก็บไว้เพียงแต่รายสัปดาห์เท่านั้น และจะไม่โอนข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณ เมื่อมีการเชื่อมต่อโทรศัพท์ และถ้าปิดการใช้ Location บน iPhone หรือ iPad ก็จะหยุดเก็บข้อมูลพิกัดอย่างสิ้นเชิงทันที
ก่อนหน้านี้มีข่าวการค้นพบว่า อุปกรณ์อย่าง iPhone และ iPad นี้มีการแอบบันทึกพิกัดติดของผู้ใช้งานตลอดเวลาไว้ใน file ที่ถูกซ่อน (hidden file) ชื่อว่า consolidated.db ซึ่งถูกเปิดเผยโดย แฮกเกอร์สองคนคือ Alasdair Allan และ Pete Warden โดยค้นพบว่าตั้งแต่ iOS4 ออกมา ได้บันทึกพิกัดตลอดเวลาที่คุณถือมันใช้งานไปทุกที่และข้อมูลที่บันทึกพิกัดตลอดนั้นไม่เคยถูกลบหรือล้างออกเลย
จริงๆแล้ว ทาง Apple ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้เป็นการเก็บ location เพียงแต่เป็นการเก็บข้อมูลของเซลไซท์หรือ wi-fi hotspot ที่อยู่โดยรอบบริเวณที่เครื่องของเราอยู่ ซึ่งบางครั้งอาจจะอยู่ห่างเป็น 100 ไมล์จากที่ที่เครื่องของเราอยู่เลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้โทรศัพท์ของคุณสามารถคำนวณ location ที่อยู่ของเครื่องได้อย่างรวดเร็วทันใจและแม่นยำเมื่อมีการร้องขอ
จากปัญหานี้ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจของข่าวปัญหาเกี่ยวกับ iPhone iPad ที่แอบบันทึกพิกัดที่เราเดินทางอยู่นั้นก็คือความเป็นส่วนตัวบนมือถือที่ทำให้สมาร์ทโฟนเริ่มไว้ใจไม่ได้ในเรื่องการแอบเก็บข้อมูลของเราโดยไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของเครื่อง และนำไปสู่การยื่นฟ้องกันไปแล้วที่รัฐฟลอริดาประเทศสหรัฐอเมริกา ในข้อหาบริษัท Apple ละเมิดความเป็นส่วนตัว และยังมีอีกคดีหนึ่งที่หญิง2คน ในรัฐมิชิแกน ก็ฟ้อง Google ในกรณี Android เก็บพิกัดติดตามผู้ใช้ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลและภาพจาก BBC , O’Reilly Redar