ขอขอบคุณเนื้อหาจาก บทความเรื่อง “กาฝากกับศาสตร์มืด: อย่าประมาท DM ของท่านอาจหลุดไปกับรูปได้ ” โดย คุณคงเดช กี่สุขพันธ์ (@kafaak) จากบล๊อก นานาสาระกับนายกาฝาก ค่ะ
หลายคนที่เล่น Twitter คงคุ้นเคยกับการส่งข้อความที่เรียกว่า ข้อความส่งตรง หรือ Direct Message กันดี … ในขณะที่การทวีตแต่ละครั้ง หรือการ Mention (แปลเป็นไทยคงหมายความว่า เอ่ยถึง) แต่ละหนนั้นมันจะมีลักษณะเป็นข้อความสาธารณะ คือใครต่อใครก็เห็นได้ … ข้อความส่งตรง หรือ Direct Message จะมีลักษณะเป็นการส่วนตัว หรือ Private เพราะต้องล็อกอินเข้าใช้บริการ Twitter ด้วย Twitter ID ที่ถูกต้องก่อน จึงจะสามารถเห็นได้
แต่ก็มีเรื่องหนึ่ง ที่หลายคนอาจเข้าใจผิด หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์อยู่ และนั่นเสี่ยงต่อการที่ข้อมูลอันเป็นความลับของเราจะถูกเปิดเผยครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบ การส่ง DM ใน Twitter นั้นทำได้ง่ายๆ แค่พิมพ์ว่า D (หรือ d) นำหน้า แล้วตามด้วย Twitter ID ของคนที่เราต้องการส่งถึง (แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะต้องเป็น Follower ของเรา) จากนั้นก็พิมพ์ข้อความที่อยากส่งไป เช่นถ้าผมทวีตแบบนี้
d yokekung เป็นยังไงบ้าง?
แบบนี้ก็หมายความว่า ผมส่ง DM หา @yokekung ด้วยข้อความว่า “เป็นยังไงบ้าง?” นั่นเอง … ง่ายๆ เนอะ
เชื่อว่าผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยเลยที่มีความเชื่อว่าทุกอย่างที่ถูกส่งหลังจากพิมพ์คำว่า d แล้วตามด้วย Twitter ID แล้ว จะมีเฉพาะคนที่มี Twitter ID นั้นเท่านั้นที่จะได้เห็น … ดังนั้นจึงสบายอกสบายใจและส่งข้อความลับสำคัญถึงกันอย่างเต็มที่ ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจ บริษัทห้างร้าน หรือพวก Agency ที่มีการนำ Twitter มาใช้งาน ก็อาจส่งข้อมูลสำคัญ หรือความลับทางการค้ากันทางนี้ด้วยซ้ำ
แต่ในความเป็นจริงมันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ครับ!!!! นี่คือประเด็นสำคัญที่ต้องเข้าใจ และรับทราบโดยทั่วกัน
เราจะเห็นว่าใน Twitter Client ต่างๆ เนี่ย หากเราจะทวีตแล้วแนบรูปเข้าไป มันก็จะอัพโหลดรูปไปยังบริการต่างๆ เช่น Twitpic, yfrog บลา บลา บลา แล้วเราก็จะเข้าใจว่า หากเราแนบรูปไปกับ DM แล้ว มันก็จะมีเฉพาะคนที่เราต้องการส่งหาเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เห็น … แต่จริงๆ แล้ว พวกบริการรับฝากรูปที่ Twitter Client ต่างๆ ใช้กัน ไม่ว่าจะเป็น yfrog, lockerz, twitpic พวกนี้ มันไม่รู้จักคำว่า DM หรอกนะครับ
ผมลองดูแบบนี้ครับ ผมส่ง DM หา @yokekung อีกที แบบนี้
จากนั้น หากผมพิมพ์ URL คือ http://t.co/fC6FfoZ ไปในบราวเซอร์ มันก็จะพาผมไปที่เว็บฝากรูปที่ผมใช้กับโปรแกรม Hootsuite แบบนี้ (URL จริงๆ คือ http://ow.ly/i/fUp4)
นั่นแสดงว่า ต่อให้เราแนบรูปไปกับข้อความที่เป็น DM คนอื่นๆ ก็ยังสามารถเข้าถึงรูปได้อยู่ดี หากเขารู้ URL ของรูปนั้นๆ และในบาง Client เนี่ย หากเรามีการทวีตข้อความไปพร้อมๆ กับ รูปด้วย ก็อาจมีข้อความ DM ของเรามาพร้อมกับรูปด้วยนะเออ
ที่สำคัญอีกประการนึงคืออะไรรู้ไหมครับ? ปกติแล้ว บริการรับฝากรูปพวกนี้จะสามารถล็อกอินได้ด้วย Twitter ID ของเราเลย (คือ ใช้ API ของ Twitter ในการล็อกอิน ทำเป็น Single Sign-On) แล้วมันก็จะสร้างโปรไฟล์ของเราขึ้นมาด้วย
แล้วไอ้โปรไฟล์ของเราเนี่ย ก็จะมี Timeline ของทุกๆ รูปที่เราเคยอัพโหลดขึ้นไปยังบริการดังกล่าวเรียงรายเอาไว้เหมือนกับเป็น Timeline ของ Twitter อีกอันเลย
แต่ปัญหาของมันก็คืออย่างที่บอก หากเราเกิดมีรูปที่แนบไปพร้อมกับ DM ที่อัพโหลดขึ้น ภายใต้โปรไฟล์ของเราละก็ มันก็จะโผล่มาอยู่ใน Timeline นี้ด้วย
และนั่นหมายความว่า ใครที่รู้ URL ของโปรไฟล์ของเรา ซึ่งมันเดาได้โคตรง่าย เพราะมันมี Pattern ที่ชัดเจนอยู่แล้ว เช่น ของ twitpic ก็คือ http://twitpic.com/photos/username โดย username ก็คือ Twitter ID ของเรานั่นเอง
ดังนั้น อยากแอบดูรูปของใคร เผื่อจะได้เห็นความลับกันบ้าง ก็ลองทำดู … ส่วนของบริการอื่นเป็นอย่างไรนั้น ก็ลองพยายามขวนขวายหากันดูนะครับ
ตรงนี้ทาง Twitter เขาก็ตระหนักดีอยู่แล้ว และแม้ว่าจะเพิ่มบริการแนบรูปเข้าไปแล้วก็ตาม แต่หากดูจากรูปด้านบนจะเห็นว่า
- ถ้าเราทวีตรูปตามปกติแล้ว เราก็จะสามารถอัพโหลดรูปได้ โดยคลิกที่ไอคอนรูปกล้องถ่ายรูป
- แต่ถ้าเมื่อไหร่เราพิมพ์ตัว d นำหน้า แล้วตามด้วย Twitter ID (หรือจริงๆ ก็คือ ข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษ) ระบบของ Twitter จะมองว่านี่คือการ DM หาใครซักคน แล้วก็จะตัดไอคอนสำหรับอัพโหลดรูปออกไป เพราะทาง Twitter ตระหนักดีอยู่แล้วว่าการแนบรูปนั้น ไม่ได้มีความเป็นส่วนตัวเท่า DM ครับ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงอยากถามกันว่า แล้วมีทางแก้ไขไหม? คำตอบชัดเจนเลยครับว่า “ไม่มี” ครับ หากคุณมีรูปภาพแห่งความลับใดๆ ก็ตามที่อยากแชร์ให้คนอื่นได้เห็นกัน คงต้องหาช่องทางอื่น อย่างการส่งอีเมล์แบบเข้ารหัส (ถ้าเกิดไม่เข้ารหัส ก็อาจโดนดักไปอ่านได้กลางอากาศอีก เพราะพื้นฐานการส่งอีเมล์ จะเป็นแบบ Plain Text ครับ … สงสัยต้องเขียนบล็อกแนวนี้ต่อแน่ๆ จะได้อ่านเข้าใจกัน … เอ้า! ขอติดไว้ก่อนนะ) หรือการส่งผ่านบริการ Messaging อื่นๆ เช่น Whatsapp, BBM ไปเลย หรือจะผ่านบริการ Social Networking อย่าง Facebook หรือ Google+ ก็ได้ แต่ให้แน่ใจก่อนนะว่าส่งแบบไม่ผิดฝาผิดตัว ไม่งั้นเกิดหลุดไปก็ยุ่งอีก
บทความโดย : คงเดช กี่สุขพันธ์ (@kafaak)
นักเขียนจากนิตยสาร PC-Today และบล็อกเกอร์ นานาสาระกับนายกาฝาก